ชี้ ศก.ไทยปีนี้ร่วงรูด มีแต่ค้าชายแดนโตพรวด ราคาสินค้าเกษตรตกหนัก เสนอเผายางทิ้งลดสต๊อก

เชียงราย - เปิดฉากแล้วประชุมหอการค้าทั่วไทยที่เชียงราย เถ้าแก่ภูธรขึ้นเวทีวิเคราะห์เศรษฐกิจรายภาคตกต่ำกราวรูด ราคาผลผลิตทางการเกษตรร่วงถ้วนหน้า ถึงขั้นมีคนเสนอเผายางพาราทิ้งลดสต๊อก ชี้ 3 ไตรมาสขยายตัวแค่ 0.2% เชื่อสิ้นปีนี้ไม่เกิน 2% แน่ มีแต่ค้าชายแดนโตพรวด เฉพาะใต้ยอดทะลุ 1.1 ล้านต่อปีแล้ว

รายงานข่าวแจ้งว่า การประชุมหอการค้าทั่วประเทศครั้งที่ 37 ที่ จ.เชียงราย เป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 21-23 พ.ย. เริ่มเปิดฉากวันแรก ด้วยการสัมมนาเรื่อง “ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคเหนือ-แนวโน้มเศรษฐกิจ 5 ภาค” ณ ห้องประชุมดอยตุง โรงแรมดุสิตไอส์แลนด์รีสอร์ท อ.เมืองเชียงราย ขณะที่ห้องประชุมดอยตองของโรงแรมเดียวกัน ก็มีการจัดกิจกรรม Young Entrepreneur Chamber of Commerce (YEC) หรือนักลงทุนรุ่นใหม่ ท่ามกลางสมาชิกหอการค้าจากทั่วประเทศเข้าร่วมอย่างเนืองแน่น

โดย ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย จากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ และภาคตะวันออก ได้รายงานสถานการณ์ศรษฐกิจปี 2557 และคาดการณ์ปี 2558 ว่า รอบ 9 เดือนที่ผ่านมา ภาวะเศรษฐกิจของประเทศโตแค่ 0.2% และสิ้นปีคาดว่าไม่น่าจะโตเกิน 1%

ปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ คือ ผลผลิตทางการเกษตรราคาตกต่ำ และผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลก

ดร.ธนวรรธน์ ระบุว่า ภาคใต้ เศรษฐกิจยังคงทรงตัวเพราะปัญหาเรื่องราคายางพาราตกต่ำ, ภาคกลาง การค้ามีสัญญาณของการทรงตัว หรือดูซึมๆ, ภาคตะวันออก การค้าภายในพื้นที่โตเพียง 2.5% แม้การส่งออกจะดูโดดเด่น ด้านภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตัวเลขต่างๆ บ่งชี้ว่าย่ำแย่ แต่การค้าชายแดนกลับดีขึ้นมาก

ดร.ธนวรรธน์ กล่าวว่า สำหรับภาคเหนือ ที่เป็นเจ้าภาพในครั้งนี้พบว่า มีพื้นที่ที่สามารถทำการเกษตรได้ประมาณ 54 ล้านไร่ ประชากรเกือบ 11 ล้านคน ภาคเศรษฐกิจแบ่งเป็นการเกษตร 19.7% อุตสาหกรรม 28.3% บริการ 39.3% ค้าปลีกค้าส่ง 23.7% ซึ่งเป็นโจทย์ที่น่าคิดว่า ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ที่สามารถทำการเกษตร การท่องเที่ยวที่โดดเด่น และการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านได้ดี จะส่งเสริมภาคเหนือให้ก้าวไปสู่ภาคการเกษตร อุตสาหกรรม หรืออื่นๆ ดีกว่ากัน สิ่งที่บ่งชี้อยู่ในปัจจุบัน คือ ราคาผลผลิตทางการเกษตรที่ยังตกต่ำ เพราะการแปรรูปที่ไม่โดดเด่น

ด้านนายวิโรจน์ จิรฐิติกาลโชติ ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคเหนือ ในฐานะตัวแทนหอการค้าภาคเหนือ 17 จังหวัด กล่าวว่า ภาคเหนือได้กำหนดยุทธศาสตร์ 5 ปี ถึงปี ค.ศ.2020 หรือ พ.ศ.2562 ภายใต้สโลแกน “ศูนย์กลางการเชื่อมโยงกับภุมิภาค GMS ด้านการค้า การเกษตร การแปรรูป และการท่องเที่ยว ภายใต้ความสมดุลด้านสิ่งแวดล้อม”

โดยแบ่งยุทธศาสตร์ออกเป็น 3 ภาค คือ ภาคการเกษตร ภาคการท่องเที่ยว และภาคการค้า สำหรับภาคเกษตร จะส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าผลผลิต โดยเฉพาะข้าว ที่คงจะไม่มุ่งขายเป็นข้าวเปลือกเพียงอย่างเดียว แต่จะมุ่งแปรรูปให้ครบวงจรด้วย ส่วนภาคการท่องเที่ยว มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ดี และหลากหลายเป็นอัตลักษณ์อยู่แล้ว จึงมุ่งเน้นเพิ่มมูลค่าโดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีหลายแห่งที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และภาคการค้า แบ่งเป็นค้าชายแดนที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นอย่างมหาศาล

นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า เฉพาะ อ.แม่สาย จ.เชียงราย มีการส่งออกในปีนี้มากถึง 8,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ที่ 8,200 ล้านบาท, อ.แม่สอด จ.ตาก ก็อาจจะทะลุใกล้เคียง 50,000 ล้านบาท เพราะยังไม่ทันสิ้นปีก็สูงถึงกว่า 43,000 ล้านแล้ว

ส่วนการค้าภายในจังหวัดในช่วง 5 ปีตามยุทธศาสตร์ จะมุ่งเรื่องการส่งเสริมอุตสาหกรรมขนาดกลางและย่อมหรือเอสเอ็มอีให้มากเพื่อเพิ่มมูลค่า

ทั้งนี้ ตั้งเป้าว่าเมื่อถึงปี 2020 จะทำให้ผลผลิตมวลรวมภายในภาคหนือ GRP โตถึง 25% แต่ในการพัฒนาจะพยายามรักษาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะป่าไม้ภาคเหนือที่มีกว่า 50% ของพื้นที่ทั้งหมด ซึ่งการพัฒนาจะไม่ทำให้ป่าไม้ลดลงจากเดิมแน่นอน

ขณะที่ นายวัฒนา ธนาศักดิ์เจริญ ประธานฯ ภาคใต้ ได้เสนอ 3 แนวทางในการแก้ปัญหาราคายางพารา ที่เป็นพืชเศรษฐกิจหลักของภาคใต้ ว่า ให้นำมาแปรรูป หรือทำถนน คุมกำเนิดการผลิต และให้เผาทิ้งเพื่อลดสต๊อกยางเก่าด้วย

ส่วนภาคกลางเศรษฐกิจภายในยังไม่โดดเด่นแต่ ร.ต.จิตร์ ศิรธรานนท์ ประธานฯ ภาคกลาง ระบุว่า เศรษฐกิจภาคกลางอาจได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจนอกระบบที่ค่อยๆ เติบโตขึ้น ปัจจุบันอาจมีสัดส่วนถึง 30% ภาคตะวันออก พบว่า อุตสหากรรมรถยนต์ชะลอตัวนับตั้งแต่มีโครงการรถคันแรกมาแล้ว ด้านภาคะวันออกเฉียงเหนือ ยังมีปัญหาเรื่องน้ำเพื่อการเกษตรที่เป็นปัญหาใหญ่

อย่างไรก็ตาม พบว่ารายงานการค้าชายแดนของแต่ละภาคกลับเติบโตขึ้นเหมือนกันหมด โดยเฉพาะภาคใต้ ที่มีการค้าไทย-มาเลเซีย ซึ่งมีสัดส่วนการค้าชายแดนเป็น 70% ของการค้าชายแดนทั้งประเทศ มีมูลค่าการค้ามากถึง 1.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีประมาณ 900,000 ล้านบาท เช่นเดียวกับการค้าชายแดนด้านไทย-สปป.ลาว และไทย-กัมพูชา ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ที่เติบโตขึ้นอย่างมาก สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศ