ASTVผู้จัดการรายวัน-“ฉัตรชัย”จับมือภาคเอกชนตั้ง 4 คณะทำงานวางยุทธศาสตร์ผลักดันเศรษฐกิจ เน้นเพิ่มการค้าในประเทศ ดันส่งออก ค้าชายแดน และลดค่าครองชีพ “อิสระ”เผยเตรียมดึง ซีพี. เซ็นทรัล โลตัส ร่วมมือกระจายสินค้า นำสินค้าค้างสต๊อกหรือยังขายไม่หมด ไปจำหน่ายราคาถูกให้คนไทยทั้งประเทศ
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับผู้บริหารสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบร่วมกันในการแต่งตั้งคณะทำงานร่วมภาครัฐและเอกชนรวม 4 คณะในการร่วมกันร่างยุทธศาสตร์ด้านการค้าของไทย ได้แก่ คณะทำงานวางยุทธศาสตร์การค้าระหว่างประเทศ, คณะทำงานวางยุทธศาสตร์การค้าในประเทศ, คณะทำงานวางยุทธศาสตร์การค้าชายแดน และคณะทำงานด้านกระจายสินค้าภายในประเทศ เพื่อกำหนดเป้าหมายการทำงานร่วมกันในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าทั้งในและต่างประเทศในปี 2558 แบบยั่งยืน
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า แนวทางในการจัดทำยุทธศาสตร์ ภาครัฐจะเป็นผู้กำหนดนโยบายในภาพรวม ส่วนภาคเอกชนจะเป็นผู้ปฏิบัติ เพราะการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภาคเอกชนเป็นผู้ขับเคลื่อนอยู่แล้ว โดยมีภาครัฐเป็นผู้สนับสนุน ซึ่งการทำงานร่วมกันแบบนี้ จะช่วยให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจในด้านต่างๆมีความคืบหน้าอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ สิ่งที่ภาคเอกชนจะทำได้ทันที ก็คือ ในส่วนของคณะทำงานด้านการกระจายสินค้าในประเทศ ซึ่งเอกชนจะไปหารือกับผู้ประกอบการค้าปลีก ค้าส่ง เช่น เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) , เครือเซ็นทรัล , และเทสโก้ โลตัส เพื่อนำสินค้าที่มีคุณภาพ โดยเป็นสินค้าที่ยังค้างอยู่ในสต๊อกหรือยังขายไม่หมด มากระจายให้กับประชาชนทั้งประเทศในราคาถูกกว่าท้องตลาด เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน
“วิธีการดำเนินการขายสินค้าราคาถูกให้กับประชาชนทั้งประเทศ จะทำใน 2 รูปแบบ คือ การจัดมหกรรมสินค้าลดราคา ซึ่งจะนำสินค้าจากผู้ผลิตที่หลากหลายไปจัดจำหน่ายในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งสถานที่จะกำหนดต่อไป แต่จัดเสร็จแล้วก็จะย้ายสถานที่ไปเรื่อยๆ และอีกส่วนเป็นการกระจายผ่านเครือข่ายที่มีอยู่เดิม เช่น ขายผ่านเซเว่นอีเลฟเว่น ห้างสรรพสินค้าและร้านค้าปลีกค้าส่ง ซึ่งจะมีการบอกเลยว่าสินค้าตัวไหน รายการไหนที่จะลดราคา เพื่อให้ประชาชนไปซื้อ”
สำหรับคณะทำงานด้านอื่นๆ จะมีการตั้งคณะทำงานร่วมกัน เพื่อวางยุทธศาสตร์การทำงาน ซึ่งจะเริ่มทำงานกันทันที และจะมีการจัดทำแผนทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และยาว โดยในด้านการค้าระหว่างประเทศ จะเน้นความสำคัญในการขยายการการส่งออกอย่างยั่งยืน มีเป้าหมายที่จะผลักดันและขยายการส่งออกไปยังตลาดที่กำลังเติบโต เช่น อาเซียน จีน อินเดียโดยจะเร่งขยายตลาดทั้งในส่วนของการทำตลาดเอง หรือการดึงภาคเอกชนในประเทศเป้าหมายมาช่วยทำตลาดให้กับสินค้าไทย รวมทั้งต้องเร่งการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสินค้าไทย ส่วนด้านเศรษฐกิจการค้าในประเทศ และการค้าชายแดน ก็จะมีการวางแผนเพื่อนำไปสู่การทำงานร่วมกันต่อไป
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับผู้บริหารสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบร่วมกันในการแต่งตั้งคณะทำงานร่วมภาครัฐและเอกชนรวม 4 คณะในการร่วมกันร่างยุทธศาสตร์ด้านการค้าของไทย ได้แก่ คณะทำงานวางยุทธศาสตร์การค้าระหว่างประเทศ, คณะทำงานวางยุทธศาสตร์การค้าในประเทศ, คณะทำงานวางยุทธศาสตร์การค้าชายแดน และคณะทำงานด้านกระจายสินค้าภายในประเทศ เพื่อกำหนดเป้าหมายการทำงานร่วมกันในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าทั้งในและต่างประเทศในปี 2558 แบบยั่งยืน
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า แนวทางในการจัดทำยุทธศาสตร์ ภาครัฐจะเป็นผู้กำหนดนโยบายในภาพรวม ส่วนภาคเอกชนจะเป็นผู้ปฏิบัติ เพราะการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภาคเอกชนเป็นผู้ขับเคลื่อนอยู่แล้ว โดยมีภาครัฐเป็นผู้สนับสนุน ซึ่งการทำงานร่วมกันแบบนี้ จะช่วยให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจในด้านต่างๆมีความคืบหน้าอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ สิ่งที่ภาคเอกชนจะทำได้ทันที ก็คือ ในส่วนของคณะทำงานด้านการกระจายสินค้าในประเทศ ซึ่งเอกชนจะไปหารือกับผู้ประกอบการค้าปลีก ค้าส่ง เช่น เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) , เครือเซ็นทรัล , และเทสโก้ โลตัส เพื่อนำสินค้าที่มีคุณภาพ โดยเป็นสินค้าที่ยังค้างอยู่ในสต๊อกหรือยังขายไม่หมด มากระจายให้กับประชาชนทั้งประเทศในราคาถูกกว่าท้องตลาด เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน
“วิธีการดำเนินการขายสินค้าราคาถูกให้กับประชาชนทั้งประเทศ จะทำใน 2 รูปแบบ คือ การจัดมหกรรมสินค้าลดราคา ซึ่งจะนำสินค้าจากผู้ผลิตที่หลากหลายไปจัดจำหน่ายในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งสถานที่จะกำหนดต่อไป แต่จัดเสร็จแล้วก็จะย้ายสถานที่ไปเรื่อยๆ และอีกส่วนเป็นการกระจายผ่านเครือข่ายที่มีอยู่เดิม เช่น ขายผ่านเซเว่นอีเลฟเว่น ห้างสรรพสินค้าและร้านค้าปลีกค้าส่ง ซึ่งจะมีการบอกเลยว่าสินค้าตัวไหน รายการไหนที่จะลดราคา เพื่อให้ประชาชนไปซื้อ”
สำหรับคณะทำงานด้านอื่นๆ จะมีการตั้งคณะทำงานร่วมกัน เพื่อวางยุทธศาสตร์การทำงาน ซึ่งจะเริ่มทำงานกันทันที และจะมีการจัดทำแผนทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และยาว โดยในด้านการค้าระหว่างประเทศ จะเน้นความสำคัญในการขยายการการส่งออกอย่างยั่งยืน มีเป้าหมายที่จะผลักดันและขยายการส่งออกไปยังตลาดที่กำลังเติบโต เช่น อาเซียน จีน อินเดียโดยจะเร่งขยายตลาดทั้งในส่วนของการทำตลาดเอง หรือการดึงภาคเอกชนในประเทศเป้าหมายมาช่วยทำตลาดให้กับสินค้าไทย รวมทั้งต้องเร่งการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสินค้าไทย ส่วนด้านเศรษฐกิจการค้าในประเทศ และการค้าชายแดน ก็จะมีการวางแผนเพื่อนำไปสู่การทำงานร่วมกันต่อไป
