ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เอกชนเจ้าของสัมปทานระบบขนส่งมวลชนภายในสวนสัตว์เชียงใหม่โวย อ้างถูกยกเลิกสัญญาไม่เป็นธรรม เหตุต้องแบกภาระขาดทุนทุกเดือนตั้งแต่เริ่มให้บริการในปี 2551 ทั้งที่ลงทุนสร้างรถรางไฟฟ้า 150 ล้านบาท และสัญญาประกันรายได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 32 ล้านบาท แต่ไม่เคยได้รับการช่วยเหลือ แถมถูกยึดรถพ่วงที่ลงทุนให้บริการเพิ่มอีก ด้าน ผอ.สวนสัตว์เชียงใหม่ เผยบอร์ดองค์การสวนสัตว์ มีมติยกเลิกสัญญาหลังพบเอกชนทำผิดสัญญาชัดเจน พิมพ์บัตรโดยสารขาย และเพิ่มราคาเองโดยไม่ได้รับการยินยอม แถมดื้อตาใสลักไก่ให้บริการรถพ่วงชมวิวทั้งหมดสัญญาไปข้ามปี ทั้งๆ ที่ตักเตือนแล้วหลายรอบ
วันนี้ (21 พ.ย.) ที่จังหวัดเชียงใหม่ นายประเสริฐ เกษมโกเมศ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยโมโนเรล จำกัด พร้อมด้วยผู้บริหารของบริษัท ร่วมแถลงข่าวกรณีที่ถูกยกเลิกสัญญาระบบขนส่งมวลชนภายในสวนสัตว์เชียงใหม่ โดยระบุว่า การยกเลิกสัญญาทั้งรถไฟฟ้ารางเดียว และรถพ่วงชมวิว ที่บริษัทเป็นผู้ได้รับสัมปทานการให้บริการภายในสวนสัตว์เชียงใหม่ พร้อมทั้งยึดรถพ่วงชมวิว จำนวน 12 คันไว้นั้น
ทางบริษัทไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะเป็นการบอกเลิกก่อนหมดสัญญา และทางสวนสัตว์ยังไม่ได้จ่ายเงินค้ำประกันรายได้ขั้นต่ำปีละ 32 ล้านบาท ในช่วง 10 ปีแรกของระยะเวลาสัมปทานตามสัญญา 20 ปี ด้วย ซึ่งที่ผ่านมา ทางบริษัทได้ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองขอให้มีคำสั่งให้องค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ชำระส่วนต่างเงินประกันรายได้พร้อมดอกเบี้ยให้แก่ทางบริษัท และศาลปกครองได้มีคำสั่งดังกล่าวแล้ว แต่องค์การสวนสัตว์ฯ ไม่ทำตาม และมีการอุทธรณ์คำสั่งไปยังศาลปกครองสูงสุด
กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยโมโนเรล จำกัด บอกด้วยว่า ตลอดระยะเวลาตั้งแต่ที่เข้ามาลงทุนและเริ่มให้บริการรถไฟฟ้ารางเดียว มูลค่าการลงทุน 150 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมานั้น ทางบริษัทประสบปัญหาการขาดทุนมาโดยตลอด ต้องเสียเฉพาะค่าดอกเบี้ยที่กู้ยืมมาลงทุนไม่ต่ำกว่าปีละ 12 ล้านบาท
รวมทั้งได้มีการลงทุนเพิ่มในส่วนของรถพ่วงชมวิวอีกประมาณ 5 ล้านบาท ในปี 2554 เพื่อเติมเต็มระบบการให้บริการแก่นักท่องเที่ยวในจุดที่รถไฟฟ้ารางเดียวเข้าไม่ถึง แต่รายได้ที่จัดเก็บได้ไม่คุ้มทุนแม้แต่เดือนเดียวตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทั้งที่ก่อนเข้ามาลงทุนมีการรับประกันว่าจะมีนักท่องเที่ยวใช้บริการไม่ต่ำกว่าปีละ 8 แสนคน
นอกจากนี้ ยังระบุว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะทางสวนสัตว์ไม่สนับสนุนทางบริษัทอย่างที่ควรจะเป็น เห็นได้จากการที่มีการนำป้ายไปติดไว้หน้าห้องจำหน่ายบัตรโดยสารว่า บริการรถไฟฟ้ารางเดียว และรถพ่วงชมวิวเป็นของเอกชน โปรดใช้วิจารณญาณในการใช้บริการ ซึ่งเป็นการทำให้นักท่องเที่ยวขาดความเชื่อมั่น และไม่ใช้บริการ
นอกจากนี้ นายประเสริฐ กล่าวว่า โดยส่วนตัวมีความรู้สึกว่าการยกเลิกสัญญาระบบขนส่งมวลชนภายในสวนสัตว์เชียงใหม่ เหมือนว่าทางบริษัทเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำกลั่นแกล้งอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งๆ ที่ผ่านมา ได้มีความพยายามติดต่อเพื่อขอพบพูดคุยหารือร่วมกับทางผู้บริหารองค์การสวนสัตว์ฯ หลายต่อหลายครั้งเพื่อขอความช่วยเหลือแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของบริษัท และหาทางออกร่วมกัน แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับ
กระทั่งล่าสุด สามารถนัดหมายได้ว่าจะมีการพูดคุยกันในวันที่ 27 พ.ย.57 นี้ แต่แล้วก็มีการถูกยกเลิกสัญญา และยึดรถพ่วงชมวิวไว้ ซึ่งไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะเหตุใด โดยจากกรณีที่เกิดขึ้นนี้ยืนยันว่า ทางบริษัทคงจะขอพึ่งอำนาจศาลเพื่อขอความเป็นธรรมจนถึงที่สุด
ด้านนายสัตวแพทย์กาญจน์ชัย แสนวงศ์ ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ พร้อมด้วยผู้บริหารส่วนสัตว์เชียงใหม่ ชี้แจงกรณีเดียวกันนี้ว่า การยกเลิกสัญญาดังกล่าวทางสวนสัตว์เชียงใหม่ในฐานะผู้ปฏิบัติดำเนินการตามข้อสั่งการของคณะกรรมองค์การสวนสัตว์ ที่มีมติให้ยกเลิกสัญญาดังกล่าว เนื่องจากตรวจสอบพบว่า บริษัทไทยโมโนเรล จำกัด มีการทำผิดสัญญาด้วยการจัดพิมพ์และจำหน่ายบัตรรถไฟฟ้ารางเดียว และจำหน่ายบัตรในราคา 100 บาทต่อคน ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.55 โดยที่ไม่ได้รับการยินยอมจากองค์การสวนสัตว์ ซึ่งมีการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยว และประชาชนเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ แม้จะมีการแจ้งเตือนไปหลายครั้งแต่ยังคงมีการฝ่าฝืนอยู่จึงนำมาซึ่งการยกเลิกสัญญาในที่สุด ตั้งแต่ช่วงกลางเดือน ต.ค.57 ที่ผ่านมา และให้ทางบริษัททำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปพร้อมปรับสภาพพื้นที่ให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยภายใน 60 วัน
สำหรับรถพ่วงชมวิวของบริษัทที่เบื้องต้นทางสวนสัตว์เชียงใหม่ขอให้หยุดวิ่งบริการ และยึดรถไว้ จำนวน 12 คันนั้น ข้อเท็จจริงการให้บริการรถพ่วงชมวิวนั้น เป็นคนละสัญญากับรถไฟฟ้ารางเดียว โดยบริษัทได้ไปซื้อรถ และสิทธิการเดินรถต่อจากเอกชนรายเดิมที่ให้บริการอยู่ในสวนสัตว์เชียงใหม่ จำนวน 10 คัน พร้อมเงื่อนไขการชำระค่าตอบแทนให้แก่สวนสัตว์เชียงใหม่เดือนละ 50,000 บาท ตั้งแต่เดือน เม.ย.54
อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาถึง ต.ค.57 ทางบริษัทไม่เคยชำระค่าตอบแทนดังกล่าวเป็นเงินรวมกว่า 1.3 ล้านบาทให้แก่ทางสวนสัตว์เลย รวมทั้งที่จริงสัญญานี้ก็ต้องสิ้นสุดลงไปตั้งแต่สิ้นเดือน ก.ย.56 แล้วด้วย ซึ่งที่ผ่านมา ได้ทำหนังสือแจ้งไปถึงบริษัทให้ทราบและหยุดเดินแล้วหลายครั้งแต่ไม่ปฏิบัติตาม ทำให้ต้องมีการยึดรถดังกล่าวไว้ และทำให้ทราบว่านอกจากการฝ่าฝืนให้บริการทั้งที่หมดสัญญาแล้ว ยังมีการนำรถเข้ามาให้บริการเกินจำนวนที่ระบุไว้ในสัญญาอีกด้วย