เชียงราย - “เกริกไกร จีระแพทย์” ขึ้นเวทียันกรอบปฏิรูปประเทศชัดเจน แต่ไม่รู้จะใช้เวลาแค่ไหนถึงปฏิรูปสำเร็จ ย้ำโครงสร้างเศรษฐกิจไทยย่ำอยู่กับที่มา 25 ปี สังคมเหลื่อมล้ำหลายเรื่อง เกษตร-อุตสาหกรรม-บริการขยายตัวไม่สมดุล ระบุแผนส่งเสริมการลงทุนไทยในอดีตเห็นคนไทยเป็นเพียงลูกจ้าง
วันนี้ (20 พ.ย.) นายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดงาน “มหกรรมการค้าชายแดน จ.เชียงราย” ที่กระทรวงพาณิชย์ และหอการค้าจังหวัดเชียงราย ร่วมกันจัดขึ้น ที่ห้องประชุมดอยตุง โรงแรมดุสิต ไอส์แลนด์ รีสอร์ท อ.เมือง จ.เชียงราย
ในงานมีการบรรยายพิเศษเรื่อง “ปฏิรูปเศรษฐกิจ ปฏิรูปอะไร ปฏิรูปอย่างไร” โดยนายเกริกไกร จีระแพย์ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเกษตร อุตสาหกรรม พาณิชย์ สปช. และเวทีเสวนาเรื่อง “ค้าเพื่อนบ้านไม่ยากอย่างที่คิด” ที่มีผู้บริหารในเครือสหพัฒน์ สภาธุรกิจไทย-เมียนมาร์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ผู้ประกอบการลอจิสติกส์ใน สปป.ลาว เข้าร่วมเสวนา
นอกจากนี้ยังมีการจัดให้มีการจับคู่ธุรกิจ และลงนามธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทย-สปป.ลาว และพม่า การจำหน่ายสินค้าชายแดน ณ สนามบินทหารอากาศ (ฝูงบิน 416) ซึ่งกำหนดให้จำหน่ายระหว่างวันที่ 19-23 พฤศจิกายน ตั้งแต่เวลา 09.00-21.00 น.
นายเกริกไกรกล่าวว่า ตนเคยเป็นอดีตรัฐมนตรี เดินทางมาปฏิบัติหน้าที่ใน จ.เชียงราย เมื่อหลายปีก่อน ได้ไปดูริมแม่น้ำโขง จุดก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงไทย-สปป.ลาว แห่งที่ 4 อ.เชียงของ รวมทั้งนั่งเรือไปถึงเมืองคุนหมิง มณฑลยูนนาน ประเทศจีน กระทั่งปัจจุบันมีการติดต่อค้าขายไทย-จีน และประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง และต่างเกื้อกูลกัน โดยทุกประเทศต่างขาดกันไม่ได้
แต่เมื่อหันมามองภายในประเทศ ก็สงสัยว่าเหตุใดเราจึงขัดแย้งกันเอง ดังนั้นจึงเป็นที่มาของการปฏิรูปโดยมีธงดำเนินการประมาณ 365 วัน เมื่อแล้วเสร็จจะยื่นให้รัฐบาลพิจารณา ซึ่งจะใช้เวลาปฏิรูปต่อไปอีกยาวนานเท่าไหร่ไม่ทราบได้
นายเกริกไกรกล่าวว่า คณะกรรมาธิการพยายามจะทำกรอบการดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 28 พฤศิกายน เพื่อยื่นต่อสภาปฏิรูปแห่งชาติวันที่ 10 ธันาคมนี้ จากนั้นตั้งเป้าว่าภายใน 3 เดือนแรกของปี 2558 จะมีกรอบการดำเนินการที่ชัดเจนบนพื้นฐานของ 3 เรื่อง คือ ปรัชญาการปฏิรูปที่ถูกต้องและเหมาะสม การบังคับใช้กฎหมายซึ่งจะเป็นเครื่องมือไปสู่ปรัชญาดังกล่าว และนำไปสู่การดำเนินการเพื่อให้ปรัชญาการปฏิรูปเป็นจริง
“ในแง่ของเศรษฐกิจ ถือเป็น 1 ใน 11 สาขาที่จะต้องมีการปฏิรูปเช่นกัน โดยปัจจุบันตั้งเป็นคณะทำงานเพื่อดำเนินการแล้ว 18 คณะ”
นายเกริกไกรยังได้แสดงให้ผู้เข้าร่วมงานได้เห็นถึงโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศที่มีความไม่สมดุล และนำไปสู่ความเหลื่อมล้้ำในสังคมหลายเรื่อง เช่น ภาคธุรกิจในประเทศไทยมีประมาณ 2.8 ล้านราย ซึ่งเป็นธุรกิจขนาดกลางและเล็กหรือเอสเอ็มอี ประมาณ 2.7 ล้านราย ขณะที่ธุรกิจขนาดใหญ่มีแค่ประมาณ 7,000 ราย แต่มีมูลค่ากว่าเอสเอ็มอีมากถึง 97.16% ซึ่งถือเป็นโครงสร้างที่อ่อนด้อยมาก
นอกจากนี้ยังมีความไม่สมดุลระหว่างภาคการเกษตร อุตสาหกรรม และบริการ โดยปี 2556 ภาคการเกษตรมีสัดส่วน 12% จ้างงานได้ 39% ภาคอุตสาหกรรมมีสัดส่วน 33% จ้างงานได้ 14% และภาคบริการมีสัดส่วน 55.1% จ้างงานได้ 47.1% ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมที่ส่งเสริมการลงทุนกันในอดีต แสดงให้เห็นว่าคนไทยเราเป็นได้แค่เพียงลูกจ้าง และโครงสร้างเศรษฐกิจไทยเรายังย่ำอยู่กับที่มาร่วม 25 ปีแล้ว
