xs
xsm
sm
md
lg

บุกยึดงาช้างขนาดใหญ่ 2 กิ่งกว่า 2 ล้านในร้านขายของฝากชื่อดังเมืองสุรินทร์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สุรินทร์ - ตำรวจ บก.ปทส. ร่วม จนท.กรมอุทยานแห่งชาติฯ บุกตรวจยึดงาช้างแอฟริกาขนาดใหญ่ 2 กิ่ง มูลค่า 2.3 ล้าน โชว์ในร้านจำหน่ายของฝากชื่อดังกลางเมืองสุรินทร์ พร้อมควบคุมตัวเจ้าของร้านพร้อมเพื่อนร่วมแก๊งรวม 3 คนดำเนินคดีตาม กม. และยึดของกลางไว้ตรวจสอบดีเอ็นเอ

ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช นำโดย พ.ต.ท.อรรถพล สุดสาย, พ.ต.ท.สรรเสริญ ศิริพันธุ์, พ.ต.ต.เกียรติพันธ์ เจริญชนิกานต์, ร.ต.อ.ประเสริฐ หวังบุญสร้าง, นายสมเกียรติ ชั้นบุญใส หน.สปป.2 (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) นายพิสิฐ เทียมทองดี หน.สายตรวจสายที่ 2 สบอ.9 (อุบลราชธานี) ได้เข้าตรวจยึดงาช้างขนาดใหญ่ 2 กิ่ง ที่ตั้งโชว์อยู่ภายในร้านจำหน่ายของฝากรายใหญ่ของ จ.สุรินทร์ ตั้งอยู่หน้าวัดกลาง ถนนธนสาร อ.เมือง จ.สุรินทร์

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้นำงาช้าง 2 กิ่ง ที่มีความยาว 157 เซนติเมตร และอีกกิ่งมีความยาว 165 เซนติเมตร โค่นงารอบวง 40 เซนติเมตรทั้ง 2 กิ่ง น้ำหนักรวม 2 กิ่ง 32 กิโลกรัม มาทำการตรวจสอบและสอบถามแหล่งที่มา พร้อมด้วยเอกสารการครอบครองงาช้างทั้ง 2 กิ่ง จาก นายนัทช์ธนากรณ์ ประสิทธิ์ธิเม อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 119 ถนนกรุงศรีใน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นเจ้าของงาช้าง และร้านค้าดังกล่าว

เจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้เจ้าของงาช้างทราบว่า งาช้างทั้ง 2 กิ่งเป็นงาช้างที่ได้มาจากลักลอบนำเข้าจากแอฟริกา เป็นการลักลอบค้างาช้างโดยผิดกฎหมาย

นายนัทช์ธนากรณ์ ประสิทธิ์ธิเม เจ้าของงาช้างยืนยันว่า ได้ซื้องาช้างทั้ง 2 กิ่งมานานกว่าสิบปีแล้ว มีหลักฐานการได้มาและการครอบครอง เมื่อเจ้าหน้าที่ให้หามายืนยัน นายนัทช์ธนากรณ์ ประสิทธิ์ธิเม ใช้เวลาในการค้าหาอยู่เป็นเวลานาน แต่ไม่สามารถหาเอกสารมายืนยันได้ และได้ขอตัวเพื่อไปแจ้งความเอกสารหายกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุรินทร์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมไม่อนุญาตให้ไปแจ้งความเอกสารหายจนกว่าการสอบปากคำจะแล้ว

ทั้งนี้ การบุกเข้าตรวจสอบร้านค้าของฝากและของดีเมืองสุรินทร์ในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากปัญหาการลักลอบค้างาช้างโดยผิดกฎหมาย ในประเทศไทยมีมาอย่างยาวนาน และเป็นที่จับตาขององค์กรภาครัฐและเอกชนทั้งไทย และต่างประเทศ พล.อ.ดาวพงษ์ รัตนสุบรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงได้กำชับสั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบกวดขัน ไม่ให้มีการลักลอบค้างาช้างโดยผิดกฎหมาย

จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบสวนสอบสวนปราบปรามขบวนการลักลอบค้างาช้างในประเทศไทย และสายลับ ได้พบกับนายหน้าค้างาช้าง 2 คน คือ นายเมือง หรือ วินัย พร้อมด้วย นายบุญ ทรัพย์มาก ชาวบ้านหนองบัว ต.กะโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ เพื่อทำการล่อซื้อทางโทรศัพท์ และส่งรูปให้สายลับเพื่อดูงาช้างที่ต้องการซื้อขาย

จึงพบว่ามีงาช้างที่จะทำการซื้อขาย 2 คู่ 4 กิ่ง คู่แรกยาว 170 เซนติเมตร หนัก 31 กก.ราคา 2,300,000 บาท คู่ที่ 2 ความยาว 141 เซนติเมตร หนัก 34 กิโลกรัม ราคา 6,600,000 บาท และอ้างว่าเป็นงาช้างไทย มีตั๋วรูปพรรณช้าง ซึ่งสายลับได้ให้นายหน้าสองคนส่งรูปไปให้ดูซึ่งก็ได้ส่งรูปไปเป็นตั๋วรูปพรรณช้าง ชื่อ งาทอง ล้มตายเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ที่ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ นายทะเบียนอำเภอสตึกทำให้แก่ นายพุทธ มาดี

เจ้าหน้าที่พบพิรุธตามตั๋วรูปพรรณ ไม่เชื่อว่าช้างเชือกดังกล่าวมีงายาวถึง 170 เซนติเมตร และงาช้างตามภาพที่ส่งมามีลักษณะใหญ่ ยาวมากกว่างาช้างไทย และเชื่อว่าเป็นงาช้างแอฟริกาลักลอบนำมาขาย

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงส่ง พ.ต.ต.เกียรติพันธ์ และ ร.ต.ต.ประเสริฐ พรางตัวไปกับสายลับเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่ง นายเมือง หรือนายวินัย และนายบุญ ทรัพย์มาก ได้พาเข้ามาดูงาช้างที่ร้านกุนเชียง 5 ดาว เลขที่ 414/1-6 ถนนธนสาร อ.เมือง จ.สุรินทร์ เจ้าหน้าที่พบกับเสี่ยเต็ก หรือ นายนัทช์ธนากรณ์ ประสิทธิ์ธิเม เจ้าของร้าน และพาไปดูงาช้างที่จะขายวางอยู่กลางร้านเป็นงาช้าง 2 กิ่ง 1 คู่ ความยาวประมาณ 170 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 31 กิโลกรัม แจ้งว่าเป็นงาช้างไทย มีตั๋วรูปพรรณยืนยัน ขายในราคา 2,300,000 บาท

เจ้าหน้าที่สอบถามใบเคลื่อนย้ายซากสัตว์ นายนัทช์ธนากรณ์ให้ไปถามกับ นายวินัย และ นายบุญ เอาเอง นายวินัย กับนายบุญ ยืนยันว่าสามารถหาใบเคลื่อนย้ายซากสัตว์ได้ แต่ต้องไปเอาที่ อำเภอสตึก จ.บุรีรัมย์ เจ้าหน้าที่ทำการบันทึกภาพงาช้างคู่ดังกล่าวไว้และทำการสืบสวนสอบสวน

ต่อมา นายวินัย และนายบุญสามารถขอใบเคลื่อนย้ายซากสัตว์ได้ ที่สำนักงานปศุสัตว์ อำเภอสตึก จ.บุรีรัมย์ โดยไม่ได้นำงาช้างไปให้เจ้าหน้าที่ดูแต่อย่างใด และได้ให้เงินแก่เจ้าหน้าที่ในการดำเนินการไปจำนวน 3,000 บาท

ในวันนี้ (12 พ.ย.) เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้มาติดต่อซื้อขายงาช้างคู่ดังกล่าวอีกครั้ง เมื่อตกลงซื้อขาย นายนัทช์ธนากรณ์บอกว่างาคู่ดังกล่าวไม่มีหลักฐาน ไม่มีตั๋วรูปพรรณ แต่มีงาช้างที่จะขายอีก 3 คู่ มีมากว่า 10 ปีแล้ว ขณะที่นายวินัย และนายบุญกลับยืนยันว่านายนัทช์ธนากรณ์อ้างว่างาคู่ดังกล่าวมีหลักฐาน ตนจึงเป็นนายหน้าในการชื้อขาย

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมร่วมกันพิจารณาเห็นว่า การร่วมกันติดต่อซื้อขายงาช้างหลายครั้ง งาช้างของกลางไม่มีเอกสารการได้มาโดยถูกต้องตามกฎหมาย มีการแบ่งหน้าที่กันทำงานอย่างชัดเจน นายนัทช์ธนากรณ์เป็นผู้ขาย นายวินัย กับนายบุญเป็นนายหน้าติดต่อชื้อขาย และทั้งสองคนยังได้ร่วมกับ นายบุญศรี ยุบรัมย์ ออกเอกสารใบนำเคลื่อนย้ายซากสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยไม่ได้นำงาช้างไปแสดงแก่เจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด ซึ่งผิดขั้นตอนการออกเอกสารดังกล่าว

เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาทั้ง นายนัทช์ธนากรณ์ เจ้าของงาช้าง ในฐานความผิดนำเข้าหรือพาของที่ยังไม่ได้เสียค่าภาษี หรือของต้องจำกัด หรือของต้องห้ามหรือที่ยังมิได้ผ่านด่านศุลกากรโดยถูกต้องเข้ามาในราชอาณาจักร มาตรา 27 ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 การกระทำผิดซ่อนเร้นช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อรับจำนำ หรือต้องห้าม หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่ยังมิได้เสียค่าภาษี หรือของต้องจำกัด หรือของต้องห้าม หรือที่เข้ามาในราชอาณาจักร โดยถูกต้อง หรือเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงข้อจำกัด หรือข้อห้ามอันเกี่ยวแก่ของนั้น การครอบครองซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยผิดกฎหมาย ร่วมกันค้าซากสัตว์ป่าคุ้มครอง พร้อมทั้งยังร่วมกันปลอมแปลงเอกสารของทางราชการ

จากนั้น เจ้าหน้าที่ชุดทำการจับกุมได้ยึดงาช้างของกลางเพื่อตรวจสอบดีเอ็นเอ พิสูจน์แหล่งที่มาของงาช้าง และนำผู้ถูกจับกุมทั้ง 3 รายส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุรินทร์เพื่อดำเนินคดีต่อไป ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 3 รายได้ยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวเพื่อสู้คดีในชั้นศาลต่อไป





กำลังโหลดความคิดเห็น