xs
xsm
sm
md
lg

ปศุสัตว์เร่งคุมพื้นที่สกัดขนวัว ควายอุทัยฯ-นครสวรรค์/พบติดเชื้อคอบวมตายแล้วหลายสิบตัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นครสวรรค์/อุทัยธานี - รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ยกคณะลุยตรวจพื้นที่แพร่ระบาดโรคคอบวม หลังมีควายชาวบ้านแถบอุทัยธานี-นครสวรรค์ ตายไปแล้วหลายสิบตัว เร่ง จนท.ฉีดวัคซีน พร้อมตั้งด่านสกัดเคลื่อนย้ายสัตว์ ย้ำห้ามชำแหละเนื้อวัว-ควายติดเชื้อมากินหรือขายเด็ดขาด

วันนี้ (10 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสัตวแพทย์ อยุทธ์ หรินทรานนท์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมปศุสัตว์ พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่เลี้ยงกระบือ หรือควาย ม.3 ต.เนินกว้าว อ.โกรกพระ จ.นครสวรรค์ เพื่อติดตามสถานการณ์และควบคุมโรคเฮโมรายิกเซพติซีเมีย หรือโรคคอบวม

นางบุญส่ง พนัส อายุ 43 ปี เกษตรกรผู้เลี้ยงกระบือ เล่าว่า ครอบครัวตนเลี้ยงกระบือมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายายนานกว่า 100 ปี กระทั่งปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมามีควายติดเชื้อโรคคอบวมตายไปแล้ว 10 ตัว ได้รับความเสียหายไปกว่า 7-8 แสนบาท ส่วนที่เหลืออีก 16 ตัว ได้มีเกษตรอำเภอ และเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์จังหวัดนครสวรรค์เข้ามาช่วยเหลือ

ล่าสุดนายสัตวแพทย์ อยุทธ์ หรินทรานนท์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมปศุสัตว์ ได้ลงมาดูและฉีดวิตามินให้กระบือ พร้อมทั้งกำชับเจ้าหน้าที่ให้ดูแลสัตว์ที่ตนรับผิดชอบให้ดี และไม่ให้เคลื่อนย้ายแล้ว

ขณะที่สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดนครสวรรค์ก็ได้ประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตโรคระบาดชั่วคราว พร้อมทั้งออกคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานป้องกันกำจัดโรคเฮโมรายิกเซพติซีเมีย พร้อมตั้งด่านสกัดเพื่อป้องกันการติดเชื้อข้ามจังหวัดอีกด้วย

ก่อนหน้านี้นายสัตวแพทย์ อยุทธ์ และคณะเจ้าหน้าที่ ยังได้เข้าตรวจสอบในพื้นที่แพร่ระบาดของโรคคอบวมใน 5 จุดของ อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี หลังมีควาย และโคเนื้อป่วยโรคเฮโมรายิกเซพติซีเมีย จำนวน 250 ตัว เป็นโคเนื้อ 183 ตัว, กระบือ 67 ตัว และตายไปแล้ว 32 ตัว เป็นโคเนื้อ 17 ตัว กระบือ 15 ตัว ซึ่งทางสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดอุทัยธานีได้ประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตโรคระบาดชั่วคราวไปแล้ว พร้อมกับเร่งฉีดวัคซีนให้กระบือ-โค ที่ยังไม่ติดเชื้ออย่างเร่งด่วนเช่นกัน

นายสัตวแพทย์ อยุทธ์ได้กล่าวขอความร่วมมือเกษตรกรผู้เลี้ยงกระบือและโคโปรดอย่าเคลื่อนย้ายปศุสัตว์เข้าออกพื้นที่ในระยะนี้อย่างเด็ดขาด ไม่เว้นแม้กระทั่งเนื้อสัตว์ที่ชำแหละแล้ว เนื่องจากเลือดและน้ำล้างเนื้อสัตว์จะเป็นพาหะนำเชื้อไปแพร่ยังที่ต่างๆ ได้

ส่วนเกษตรกรรายใดพบว่า โค หรือกระบือเจ็บป่วย และสงสัยว่าอาจจะป็นโรคเฮโมรายิกเซพติซีเมีย หรือโรคคอบวม ให้แจ้งไปยังปศุสัตว์ใกล้บ้านทันที เพื่อให้มีการรักษาอย่างทันท่วงที ไม่ให้เชื้อแพร่กระจาย รวมทั้งหากสัตว์ป่วยตายด้วยโรคดังกล่าว ก็ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์เพื่อทำลายขุดหลุมฝังกลบ ไม่ให้ชำแหละเนื้อกับกระบือหรือโคไปรับประทานอย่างเด็ดขาด และไม่ชำแหละเนื้อไปขาย เพราะจะมีความผิดตามกฎหมายอีกด้วย

คาดว่าหากเกษตรกรทำตามคำแนะนำ โดยเฉพาะไม่มีการเคลื่อนย้ายสัตว์อย่างเด็ดขาด คาดว่าเร็วๆ นี้จะสามารถควบคุมสถานการณ์โรคได้อย่างแน่นอน

ส่วนเกตษรกรผู้เลี้ยงกระบือจำนวนมากยังยืนยันจะเลี้ยงกระบือต่อไป เพราะขณะนี้ราคาดี โดยเฉพาะตลาดรับซื้อกระบือในประเทศจีนยังรับซื้อไม่อั้น โดยเกษตรกรรายหนึ่งบอกว่า เคยประสบกับโรคคอบวมเมื่อเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา แต่ถ้าดูแลสัตว์ที่เลี้ยงอย่างใกล้ชิด และฉีดวัคซีนให้สัตว์อย่างสม่ำเสมอทั่วถึง ปัญหาโรคคอบวมก็จะไม่มีผลกระทบต่อสัตว์เลี้ยง




กำลังโหลดความคิดเห็น