ตื่น! ควายชาวบ้านตายเกลื่อนยกฝูง ทิ้งซากคาหนองหลวง-เกาะมะเฟืองเกือบครึ่งร้อย (ชมคลิป)

เชียงราย - พบควายชาวเวียงชัย เมืองพ่อขุนล้มตายเป็นเบือเกือบยกฝูง ทิ้งซากเกลื่อนทั้งริมฝั่ง-ในหนองหลวง และเกาะมะเฟือง เจ้าของเผยเลี้ยงมาตั้งแต่ปี 28 แพร่พันธุ์จนมีควายฝูงใหญ่ 53 ตัว ถ้าขายจะได้เงินเห็นๆ ไม่ต่ำกว่า 3 ล้าน แต่วันเดียวกลับล้มตายไปแล้วกว่า 30 ตัว อีก 10 ตัวร่อแร่ ปศุสัตว์ฯ รุดตรวจพบเป็นโรคคอบวม



วันนี้ (5 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดฝูงกระบือหรือควายที่ชาวบ้านเลี้ยงเอาไว้ในพื้นที่หมู่บ้านสมานมิตร ม.1 ต.ดอนศิลา อ.เวียงชัย จ.เชียงราย ล้มตายเกลื่อนพื้นที่ริมฝั่งหนองหลวง ซึ่งเป็นหนองน้ำสาธารณะ บางตัวล้มตายลงในคอกที่เจ้าของนำไปเลี้ยงเอาไว้ และบางตัวลอยอยู่ในน้ำ จุดที่ชาวบ้านเรียกว่าเกาะมะเฟือง ซึ่งปกคลุมด้วยต้นไผ่และไม้เล็ก ทำให้ชาวบ้านตื่นตกใจไปตามๆ กัน

นายสุข นรรัตน์ อายุ 60 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้านสมานมิตร ซึ่งเป็นเจ้าของฝูงควายทั้งหมด กล่าวว่า ตนเลี้ยงควายมาตั้งแต่ปี 2528 โดยซื้อพ่อพันธุ์ และแม่พันธุ์มาในราคาตัวละประมาณ 35,000 บาท จำนวน 4 ตัว ควายเล็กอีก 7 ตัว รวม 11 ตัว จากนั้นก็เลี้ยงเรื่อยมาจนแพร่พันธุ์กลายเป็นฝูงใหญ่จำนวน 53 ตัว โดยไม่ได้เกิดปัญหาใดๆ แต่ละตัวมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง

กระทั่งบ่ายวานนี้ควายแต่ละตัวมีอาการเซื่องซึม และจมูกแห้ง จากนั้นช่วงเช้ามืดวันนี้(5 พ.ย.) จนถึงกลางวันควายเกือบทุกตัวได้ล้มลงพร้อมกันเกือบทันที และมีอาการหายใจขัด ก่อนจะตายลงในเวลาเพียง 2-4 ชั่วโมง

“ควายของผมล้มตายลงในคราวเดียวเกือบทันทีประมาณ 30 ตัว และยังมีที่เริ่มล้มอีกประมาณ 10 กว่าตัว ซึ่งคงจะไม่รอดเหมือนกัน เวลานี้เหลือควายที่ยังไม่ตาย แต่ยืนเซื่องซึมอยู่ในป่าละเมาะ รวมทั้งที่ยังหาตัวไม่พบ คาดว่าจะเข้าไปอยู่ในป่ารวมประมาณ 10 ตัวเท่านั้น เดือดร้อนมาก เพราะควายทั้งหมดมีราคาแพง อย่างตัวที่หายไปเป็นพ่อพันธุ์ตัวหนึ่งมูลค่ากว่า 70,000 บาท และหากรวมทั้งฝูงก็จะมีมูลค่ารวมกันประมาณ 3 ล้านบาท”

หลังเกิดเหตุนายสุขได้แจ้งไปยังสำนักงานปศุสัตว์ จ.เชียงราย ให้รับทราบ ต่อมานายสัตวแพทย์ พืชผล น้อยนาฝาย นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ หัวหน้างานกลุ่มพัฒนาสุขภาพสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์ จ.เชียงราย ได้นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ และร่วมกับชาวบ้านคัดแยกซากควายที่ตายแล้วมากองเป็นกองๆ ส่วนตัวที่ยังป่วย ก็รีบทำการฉีดวัคซีนและคัดแยกตัวที่เชื่องซึมออกไป ขณะเดียวกันได้แจ้งชาวบ้านให้ร่วมกันออกติดตามหาควายที่ยังไม่พบตัวภายในป่า เพื่อนำมาฉีดวัคซีนด้วย

นายสัตวแพทย์ พืชผลกล่าวว่า คาดว่าควายที่ตายเป็นโรคคอบวม หรือโรคเฮโมรายิกเซฟติซีเมีย โดยอาการจะเซื่องซึมก่อน จากนั้นไม่เกิน 1 วันก็จะล้มลงเสียชีวิต เมื่อผ่าภายในคอจะพบของเหลวลักษณะเป็นเจลอยู่ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ควายตาย ทั้งนี้เชื้อดังกล่าวจะติดต่อได้เฉพาะในหมู่สัตว์เท้ากีบ ผ่านการสัมผัสกับสารคัดหลั่งทุกชนิด ไม่ติดต่อสู่คนหรือสัตว์ประเภทอื่น

สำหรับกรณีนี้สอบถามชาวบ้านแล้วทราบว่าเป็นควายที่เลี้ยงเฉพาะในพื้นที่นี้ โดยพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์อยู่ในสถานที่เกาะมะเฟืองด้วยกันทั้งหมด เมื่อสอบประวัติก็ได้ความว่านายสุขได้ออกไปติดต่อผู้เลี้ยงกระบือในพื้นที่อื่นมา พอกลับมายังฝูงกระบือของตนก็ไปสัมผัสสารคัดหลั่งทำให้เกิดการติดเชื้อในฝูงของตัวเองดังกล่าว

นายสัตวแพทย์ พืชผลกล่าวอีกว่า ขั้นตอนต่อไปคือต้องทำลายซากกระบือที่ตายทั้งหมดทันทีด้วยการฝังกลบ โดยไม่ให้นำออกนอกพื้นที่ หรือนำไปบริโภค รวมทั้งประกาศพื้นที่รัศมี 5 กิโลเมตรเป็นเขตโรคระบาด ไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายสัตว์กีบในรัศมี 5 กิโลเมตร ซึ่งได้ประสานกับด่านกักสัตว์ระหว่างประเทศและสำนักงานปศุสัตว์เขต 5 ในการเฝ้าระวังแล้ว และจากนี้ก็จะเร่งฉีดวัคซีน และเสาะหากระบือที่ยังหายไปในป่า

ส่วนระยะยาวได้แจ้งให้ชาวบ้านที่ยังไม่ได้นำสัตว์เท้ากีบไปฉีดวัคซีน ให้ติดต่อขอฉีดวัคซีนที่เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์โดยด่วน

ทั้งนี้ ตามปกติการระบาดของโรคชนิดนี้จะไม่เกิดขึ้นเพราะทางสำนักงานปศุสัตว์ได้ออกฉีดวัคซีนทั่วทุกพื้นที่อยู่แล้วรวมถึงฝูงควายของนายสุขด้วย แต่ในปีนี้นายสุขไม่ได้นำไปฉีดวัคซีน ประจวบเหมาะกับมีการนำเชื้อไปติดควายตนเองจนเกิดการล้มตายขึ้น