ศรีสะเกษ - คณะประเมินผลโครงการตามยุทธศาสตร์ชาติชี้เมืองใหม่ช่องสะงำมีโอกาสเติบโตทางเศรษฐกิจสูงมาก เพราะเป็นจุดผ่านแดนเดียวในอีสานใต้ที่เข้าไปสู่กัมพูชาได้ถึง 3 จังหวัด
วันนี้ (30 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่จุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ศ.ดร.ปริญญา นุตาลัย คณะที่ปรึกษาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมด้วยคณะศึกษาดูงานเพื่อติดตามและประเมินโครงการตามยุทธศาสตร์ชาติ/นโยบายสำคัญ ได้มาตรวจติดตามการดำเนินงานที่จุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ และเมืองใหม่ช่องสะงำ
โดยได้เข้าไปดูความเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจที่ อ.อัลลองเวง จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ซึ่งอยู่ห่างจากเขตแดนไทยเข้าไปในเขตกัมพูชาประมาณ 17 กม. ซึ่งพบว่า อ.อัลลองเวง มีความเจริญก้าวหน้ามากโดยสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภค ส่วนใหญ่ซื้อมาจากเมืองใหม่ช่องสะงำของไทยนำเข้าไปขายในเขตกัมพูชา ทำให้ชาวกัมพูชาเป็นกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ของตลาดเมืองใหม่ช่องสะงำ
จากนั้นคณะได้เดินทางมาประชุมเพื่อรับทราบความคืบหน้าปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงานที่ห้องประชุมศูนย์บริหารงานเมืองใหม่ช่องสะงำ โดยมีนายสุริยะ อมรโรจน์วรวุฒิ รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วยนายวิเชียร ถิระเลิศพานิชย์ รองนายก อบจ.ศรีสะเกษ พ.อ.สาธิต เกิดโภค รอง ผบ.หน่วยเฉพาะกิจที่ 3 กองกำลังสุรนารี และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมาร่วมประชุมให้ข้อมูล
นายสุริยะกล่าวว่า การดำเนินงานของเมืองใหม่ช่องสะงำ ได้มีการย้ายตลาดรวมทั้งพ่อค้าแม่ค้าเข้ามาอยู่ในบริเวณนี้เรียบร้อยแล้ว และได้มีกลุ่มนักธุรกิจจากตลาดโรงเกลือ จ.สระแก้ว จะเข้ามาลงทุนสร้างตลาดโรงเกลือช่องสะงำ ศรีสะเกษ เพื่อจำหน่ายสินค้าทุกชนิด
รวมทั้ง ปตท.จะเข้ามาลงทุนเปิดปั๊มน้ำมันให้บริการประชาชนที่เข้ามาบริเวณเมืองใหม่ช่องสะงำ ซึ่งขณะนี้มีส่วนราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ตรวจคนเข้าเมือง ศุลกากร ไฟฟ้า ประปา ได้เข้ามาประจำเพื่อให้บริการประชาชนและนักท่องเที่ยวทั่วไปเรียบร้อยแล้ว
ศ.ดร.ปริญญากล่าวว่า จากการที่ตนและคณะได้มาตรวจติดตามผลการดำเนินงานแล้วพบว่า จากข้อมูลการส่งสินค้าผ่านบริเวณช่องสะงำเข้าไปขายในกัมพูชาพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยในปี 2557 มูลค่าการส่งสินค้าออกสูงมากถึง 900 ล้านบาท
ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาส่งสินค้าเข้ามาขายในเขตแดนไทยเพียง 56 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งจุดผ่านแดนหลายแห่งมีศักยภาพสู้ช่องสะงำไม่ได้ เนื่องจากช่องสะงำเป็นจุดผ่านแดนเดียวของอีสานใต้ที่สามารถเข้าไปสู่ 3 จังหวัดของกัมพูชาได้อย่างสะดวก คือ จ.พระวิหาร จ.เสียมราฐ และ จ.อุดรมีชัย และมี อ.อัลลองเวง เป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าที่สำคัญอีกด้วย ส่งผลให้เศรษฐกิจบริเวณช่องสะงำมีการเติบโตแบบก้าวกระโดดมาก ซึ่งนับว่าเป็นการเตรียมพร้อมที่ดีในการที่จะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558
“ฉะนั้นทุกภาคส่วนควรเข้ามาให้การสนับสนุนเมืองใหม่ช่องสะงำ เพื่อที่จะได้เป็นศูนย์กลางในการจำหน่ายสินค้าที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทยที่อยู่ติดกับแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อไป” ศ.ดร.ปริญญากล่าว
