ศูนย์ข่าวศรีราชา - ชาวบ้านแหลมฉบัง เผยร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด หวัง “นายกฯ” คืนความสุขให้ประชาชน ขอค่าเวนคืนโครงการก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบัง หลังผ่านมานาน 36 ปี
จากกรณีที่ชาวบ้านหมู่ 2, 3 และ 4 ต.ทุ่งศุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี กว่า 300 คน ยื่นหนังสือให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ขอความช่วยเหลือเรื่องการเวนคืนที่ดินไปสร้างท่าเรือแหลมฉบังตั้งแต่ปี 2521 ตามนโยบายของรัฐบาลยุคนั้น จนถึงปัจจุบันยังไม่ได้รับค่าเวนคืน
นายเฉลา อุบล กล่าวว่า พวกเราชาวแหลมฉบังที่ถูกเวนคืนที่ดิน อยากวอน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คนแรกที่ให้ความหวังแก่ประชาชน ซึ่งตนเองได้ฟังทุกคืนวันศุกร์ในรายการคืนความสุขให้ประชาชน ได้พูดว่า หากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากโครงการของรัฐ หรือถูกที่รัฐทับที่ทำกิน ให้ชาวบ้านมาร้องทุกข์ขอความเป็นธรรม ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ซึ่งถือว่าเป็นการจุดประกายให้ชาวบ้านมีความหวังว่าจะได้รับการช่วยเหลือ จึงได้เข้าไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอศรีราชา จึงขอฝากความหวังให้ท่าน พล.อ.ประยุทธ์ คืนความสุขให้แก่ประชาชนชาวแหลมฉบังที่ถูกเวนคืนที่ดินด้วย
นางละเอียด ฮวดเฮง หนึ่งในชาวบ้านแหลมฉบังที่ถูกเวนคืน กล่าวว่า ขณะนั้นครอบครัวของตนได้ย้ายออกมาจากพื้นที่ เนื่องจากรัฐบาลต้องการพื้นที่ไปก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบัง โดยได้รับคำบอกกล่าวว่า ให้ย้ายออกมาก่อน แล้วจะได้เงินค่าเวนคืนตามมาทีหลัง ซึ่งทางครอบครัวก็ได้ทวงถามมาเป็นระยะ จนกระทั่งถึงวันนี้เป็นเวลา 36 ปีแล้ว ก็ยังไม่ได้รับเงิน จนปัจจุบันพ่อของตนซึ่งเป็นคนติดตามเรื่องนี้เสียชีวิตแล้ว
หลังจากย้ายออกจากที่ทำกินของตนเอง ก็มาอาศัยที่ดินของเพื่อนบ้านอยู่อาศัยฟรี แต่หากตนเองตายไป ในอนาคตลูกหลานก็คงจะไม่มีที่อาศัย สภาพความเป็นอยู่ตอนนี้ก็มีกินมั่งไม่มีกินมั่งไปเรื่อยๆ จึงอยากได้ค่าเวนคืน จะได้มาตั้งตัวซื้อที่ดินทำกินได้บ้าง ซึ่งตนมีหลักฐานเป็นเอกสาร ส.ค.1 พร้อมที่จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบ
ด้าน นางน้ำทิพย์ กฤษณะภูติ กล่าวว่า ตั้งแต่ย้ายออกมาก็ไม่ได้ค่าเวนคืนอะไรมาเลย ก็อยู่ไปตามมีตามเกิด ทำมาค้าขายเล็กๆ น้อยๆ ให้พออยู่รอด จากที่เคยมีที่ดินของตนเอง แต่ปัจจุบันไม่มีแล้วต้องมาอยู่กับญาติ อยากให้รัฐบาล หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือคนยากคนจน เนื่องจากที่ผ่านมา ทางรัฐไม่มีสิ่งตอบแทนอะไรเลย ปัจจุบันความเดือดร้อนมาก หาเช้ากินค่ำ ที่หนองคล้า มีที่จับจองแต่ก็ไม่ได้มา โดยมีการบอกกล่าวกันว่า มีญาติพี่น้องอยู่ก็ให้ไปอยู่กับญาติพี่น้อง สุดท้ายต้องมาอยู่กับญาติพี่น้องจริงๆ
ด้าน นางฉลวย ชาวบ้านใน กล่าวว่า กังวลเรื่องที่ทำกิน เนื่องจากปัจจุบันได้ย้ายมาอยู่ในพื้นที่ทางรัฐจัดสรรให้ แต่ในปัจจุบันที่ตรงนี้เจริญแล้ว พวกเขาอาจจะสร้างอะไรขึ้นมาอีก เกรงว่าอาจจะมาไล่ไปอยู่ที่ไหนหรือไม่ เพราะไม่มีหลักฐานอะไรให้เรา ที่อยู่ตรงนี้ยังเป็นที่ของหลวง ออกแค่ทะเบียนบ้าน ไม่รู้ว่าจะมีสิทธิไหม อยากให้ออกหลักฐานอะไรมาให้บ้าง จะได้รู้ว่าเรามีสิทธิไม่สามารถไล่เราให้ไปที่อื่นได้อีก สภาพความเป็นอยู่ก็ลุ่มๆ ดอนๆ ต้องไปหางานทำ ตอนมาอยู่ก็เป็นป่าแขมต้องมาบุกเบิก ที่สำคัญไม่รู้จะทำมาหากินอะไรนอกจากไปเป็นลูกจ้างเค้าอย่างเดียว จากในอดีตมีทางทำมาหากินทำไร่มัน ปลูกมะพร้าว แต่จู่ๆ ก็มาเอาของเราไป โดยที่เราไม่ได้ค่าตอบแทนเลย