xs
xsm
sm
md
lg

10 ปท.อาเซียนและคู่เจรจาลุยเวิร์กชอปตั้งศูนย์ประสานงานแพทย์ทหารอาเซียน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวศรีราชา - 10 ประเทศอาเซียน พร้อม 5 ประเทศคู่เจรจา ระดมสมองจัดเวิร์กชอปดันเปิดศูนย์ประสานงานการทำงานแพทย์ทหารอาเซียน หวังสร้างมาตรฐานเพื่อการช่วยเหลือมนุษยชาติ

บ่ายวันนี้ (23 ต.ค.) พล.ต.ทิฆัมพร ชุลีลัง ผู้อำนวยการสำนักอาเซียน สำนักนโยบายและแผนกลาโหม และ พ.อ.อีวาน โคลีคอฟ เลขาธิการคณะทำงานการแพทย์ทหาร ประเทศรัสเซีย ร่วมเปิดการประชุมคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ทหารอาเซียน (Expent working group on Military Medicine, EWG on MM) ในห้วงปี 2557-2559 โดยมีตัวแทนประเทศสมาชิกอาเซียน และประเทศคู่เจรจา 15 ประเทศ จาก 18 ประเทศเข้าร่วม ที่ห้องประชุมโรงแรมเอวันเดอะรอยัลครูซ พัทยา จ.ชลบุรี

พล.ต.ทิฆัมพร เปิดเผยว่า คณะทำงานฝ่ายไทย โดยเจ้ากรมแพทย์ทหารบก ซึ่งเป็นผู้แทนกระทรวงกลาโหม ได้ร่วมจัดทำแผนดำเนินงานคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ทหารอาเซียน ร่วมกับประเทศรัสเซีย ซึ่งมีแผนการดำเนินงาน 3 ปี โดยได้รับการรับรองจากที่ประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน กับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา เพื่อประสานความร่วมมือในการจัดตั้งศูนย์ประสานงานการแพทย์ทหารอาเซียน (Asean Military Medicine Co-ordination Center ; AMMCC)

ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าวเป็นการประชุมเชิงปฏิบัติการ ระดมความเห็นชอบในการดำเนินการระยะที่ 1 ซึ่งกำหนดการจัดตั้งศูนย์ประสานงานดังกล่าวที่ประเทศไทย เพื่อตอบสนองการภารกิจด้านการแพทย์ทหารในภูมิภาคอาเซียน ต่อภารกิจในเสาประชาคมการเมือง และความมั่นคงอาเซียน ด้านความร่วมมือด้านการแพทย์ทหาร การช่วยเหลือทางมนุษยธรรมในการบรรเทาภัยพิบัติ ความมั่นคงทางทะเล การปฏิบัติการรักษาสันติภาพ การต่อต้านการก่อการร้าย และการปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม

ที่ผ่านมา ความสอดคล้องด้านความร่วมมือด้านการแพทย์ทหารในอาเซียน ยังไม่มีความเป็นรูปธรรมชัดเจน รูปแบบความต้องการความช่วยเหลือ และการทำงานของแพทย์ทหารของแต่ละประเทศยังไม่เข้าถึง และตรงจุดความต้องการ การร่วมกันจัดตั้งศูนย์ประสานงานการทำงานในครั้งนี้ เป็นความร่วมมือกันทั้งคณะทำงานประเทศอาเซียน ประกอบด้วย บรูไน กัมพูชา ลาว มาเลเซีย พม่า ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม ออสเตรเลีย และไทย และประเทศคู่เจรจา ประกอบด้วย จีน ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ รัสเซีย และสหรัฐอเมริกา เพื่อการพัฒนาต่อยอดการทำงานด้านการแพทย์ทหารให้มีมาตรฐานเดียวกันต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น