จันทบุรี - ตำรวจนำผู้ต้องหาคดีกระชากสร้อยสาว 15 ปี ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ พบประวัติก่อคดีมาโชกโชน
วันนี้ (23 ต.ค.) พ.ต.ท.ธนิศร บุญสุข สว.สส.สภ.เมือง จ.จันทบุรี และตำรวจชุดจับกุม นำตัวนายสมศักดิ์ หรือต้อม เจริญฤทธิ์ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 16 ถนนมหาราช ต.ตลาด อ.เมือง จ.จันทบุรี ผู้ต้องหาคดีกระชากสร้อย น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 15 ปี มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยเหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม เวลาประมาณ 14.00 น. คนร้ายใช้รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟีโน่ สีชมพู ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ทำทีเข้ามาถามหาคน ก่อนใช้อาวุธมีดจี้บังคับ น.ส.เอ ในร้านเสริมสวยตรงข้ามวิทยาลัยเทคนิคจันทบุรี แล้วกระชากสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาทจากคอ น.ส.เอ ที่นั่งเลี้ยงน้องสาวอยู่ภายในร้านไป แต่ น.ส.เอ ได้ยื้อแย่งสร้อยคอทองคำ ทำให้ได้ไปเพียงครึ่งเส้น จากนั้นคนร้ายได้วิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์หลบหนีไป
ตำรวจชุดสืบสวนได้ติดตามสืบสวนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เกิดเหตุ โดยตรวจสอบกล้องวงจรปิด จนกระทั่งทราบว่า คนร้ายนำทรัพย์สินไปขายที่ร้านทองมณีรัตน์ ต.พลิ้ว อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี และสืบทราบว่าคนร้ายรายนี้ คือ นายสมศักดิ์ หรือต้อม เจริญฤทธิ์ หลบหนีไปอยู่บริเวณเนินเอฟเอ็ม ต.วัดใหม่ อ.เมือง จ.จันทบุรี
ต่อมา วันที่ 22 ตุลาคม จึงได้ไปตรวจสอบ พบ นายสมศักดิ์ ขับรถจักรยานยนต์มาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัวเข้าจับกุม แต่นายสมศักดิ์ จอดรถแล้ววิ่งหลบหนี ตำรวจวิ่งไล่ติดตามจนจับกุมได้ ตรวจสอบรถจักรยานยนต์ที่ นายสมศักดิ์ ใช้ เป็นรถที่ถูกโจรกรรมมาเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม จึงได้นำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากการสอบสวน นายสมศักดิ์ รับว่าเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุชิงทรัพย์สร้อยคอทองคำ น.ส.เอ จริง โดยนำสร้อยคอไปขายที่ร้านทองมณีรัตน์ ได้เงินมา 7,500 บาท นำไปเที่ยวเตร่ตามสถานบันเทิง และเอาไปใช้หนี้รถจักรยานยนต์ที่ซื้อต่อมาจากเพื่อนชื่อนายบอย จนมาถูกตำรวจจับกุมได้
จากนั้นนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ใน 2 จุด คือ จุดที่ลงมือก่อเหตุหน้าร้านเสริมสวย และจุดที่ผู้ต้องหานำทองไปขาย
และจากการตรวจสอบประวัติ นายสมศักดิ์ พบว่า เคยก่อคดีมาอย่างโชกโชนตั้งแต่ปี 2542 ทั้งคดีลักทรัพย์ คดีครอบครองยาเสพติด คดีลักทรัพย์ในเคหสถาน คดีลักรถจักรยานยนต์ และล่าสุด กระชากสร้อย น.ส.เอ