รวบแล้วคนร้ายชิงทรัพย์ทำร้ายเจ้าของร้านกรอบรูปกลางเมืองขอนแก่น (ชมคลิป)

ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่นโชว์ผลงานเด่น ตามรวบผู้ต้องหาบุกเดี่ยวควงมีดชิงทรัพย์ ทำร้ายสาวเจ้าของร้านกรอบรูปคาผับดังกลางเมืองขอนแก่นก่อนพาแฟนสาวไปเที่ยวผับ ทั้งเคยมีประวัติก่อเหตุกระชากสร้อยคอทองคำเหยื่อที่ริมบึงแก่นนครมาแล้ว



จากเหตุการณ์คนร้ายบุกเดี่ยวใช้มีดจี้เจ้าของร้านอัดกรอบรูป ปริญญาคอสติส เมื่อวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยร้านดังกล่าวตั้งอยู่เลขที่ 46/6 บริเวณสี่แยกไฟแดง ระหว่างถนนอำมาตย์ ตัดกับถนนหลังเมือง เจ้าของร้านคือ น.ส.พรพรรณ มณีทิพย์ อายุ 32 ปี ถูกคนร้ายก่อเหตุบุกชิงทรัพย์ พร้อมกับทำร้ายร่างกาย ด้วยการใช้กำปั้นกระหน่ำชกเข้าที่ใบหน้าหลายครั้ง ใช้มีดจี้บังคับให้หมอบกับพื้น จากนั้นได้รื้อค้นลิ้นชักจนได้ทรัพย์สินเป็นเงินสดจำนวน 2,700 บาท ก่อนจะวิ่งออกจากร้านขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป

ล่าสุดวันนี้ (8 ต.ค.) ตำรวจสืบสวน สภ.เมืองขอนแก่นสามารถจับกุมนายธนบูรณ์ หรือต้น วิรัตน์จันทร์ อายุ 18 ปี ที่อยู่ 28 หมู่ 10 ต.หนองม่วง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านกรอบรูปปริญญาคอสติส พร้อมของกลางเงินสด 2,000 บาท โดยจับกุมตัวได้เมื่อคืนวานนี้ (7 ต.ค.) ที่สถานบันเทิงตะวันแดง ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น และยึดรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีแดง เสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ และอาวุธมีดจำนวน 1 เล่มได้ที่บ้านพัก

นายธนบูรณ์ คนร้ายให้การรับสารภาพว่า ตนนำเงินที่ชิงทรัพย์จำนวนกว่า 3,000 บาทไปใช้เที่ยวเตร่ โดยใช้เงินไปแล้วประมาณ 1,000 บาท เพื่อพาแฟนสาวไปเลี้ยงเที่ยวที่ผับตะวันแดง ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น

จากการสืบสวนขยายผลทราบว่า นายธนบูรณ์เคยประกอบอาชีพเป็นกรรมกรรับจ้างอยู่โรงสีข้าวแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น และให้การอีกว่าเคยก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์สร้อยคอทองคำที่บริเวณหน้าโรงแรมกัณยารัตน์ ริมบึงแก่นนคร อ.เมือง ขอนแก่น เมื่อวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 15.20 น.

โดยขี่รถจักรยานยนต์ตามติดเหยื่อที่เป็นหญิงขับขี่จักรยานยนต์ไปพร้อมกับลูกชาย จนถึงหน้าโรงแรมกัณยารัตน์ได้กระชากสร้อยคอทองคำของเหยื่อจนขาดติดมือ เป็นเหตุให้รถจักรยานยนต์เสียหลักล้ม ผู้ต้องหาจึงขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป และนำสร้อยคอทองคำไปแลกเปลี่ยนเป็นแหวนทองคำหนัก 1 สลึง เหลือเป็นเงินทอน 11,000 บาท ที่ร้านทองหน้าโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น ต่อมาในวันที่ 21 กันยายน 2557 ช่วงเวลาบ่ายนายธนบูรณ์ได้นำแหวนทองคำหนัก 1 สลึงไปจำนำที่ร้านใกล้เคียงกันในราคา 3,000 บาท