ลำปาง-ตำรวจสอบสาวเจ้าของร้านเสริมสวย ยาวกว่า 20 ชม. จนยอมเปิดปากสารภาพลงมือใช้ไม้ตีหน้า ทุบหัวฆ่าโหด "รองนายกนาครัว" หวังล้างหนี้ 2 แสนบาท ก่อนจ้างญาติผู้น้องกับแฟนลูกน้องช่วยห่อศพนำไปทิ้งข้างทาง บอกแม้มีสัมพันธ์ชู้สาว แต่ยังถูกทวงหนัก จึงตัดสินใจฆ่า
บ่ายวานนี้ (30 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามอาชญากรรมพิเศษ ตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แจ้ห่ม อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง ได้เข้าสอบปากคำ น.ส.เบญจรัตน์ หรืออ้อม อรชร อายุ 24 ปี เจ้าของร้านเสริมสวยในพื้นที่ อ.แจ้ห่ม เพื่อนสาวคนสนิทที่นายกิตติพงษ์ สายพรม อายุ 61 ปี อดีตข้าราชการครู รองนายกเทศบาลตำบลนาครัว อ.แม่ทะ ที่ถูกสังหารโหดทิ้งศพข้างทางไปติดพันอยู่และญาติได้แจ้งความหายตัวออกจากบ้านไป ตั้งแต่วันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้สอบสวน น.ส.เบญจรัตน์ นานกว่า 20 ชั่วโมงจนเกิดความเครียดหนัก พูดจาวกวน ก่อนรับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือฆ่านายกิตติพงษ์ จริง พร้อมระบุว่า ตนลงมือฆ่าแต่เพียงผู้เดียว ด้วยการใช้ค้อนไม้เหลี่ยมตีเข้าที่หน้าและศีรษะ ภายในห้องนอนในบ้านพัก เพื่อล้างหนี้สิน ที่ยืมมาใช้กว่า 200,000 บาท เพราะถึงแม้จะคบกันในทางชู้สาว แต่ผู้ตายก็มีครอบครัวอยู่แล้ว และได้ทวงหนี้คืนตลอด จึงได้ตัดสินใจฆ่า เพราะไม่มีเงินมาใช้คืนให้
น.ส.เบญจรัตน์ ยังให้การอีกว่า ส่วนนายมารุจน์ หรือเจี๊ยบ อรชน อายุ 19 ปี ญาติผู้น้อง ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำตัวมาทำการสอบสวนในคดีนี้นั้น ตนได้ใช้ให้มาช่วยห่อศพ ร่วมกับนายพงษ์นิกร ส่งเกสรชาติ อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นแฟนกับลูกน้องในร้านเสริมสวย ที่เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว โดยจ่ายเงินเป็นค่าจ้าง 10,000 บาท จากนั้นทั้งหมดได้ช่วยกันยกศพขึ้นรถยนต์กระบะของนายพงษ์นิกร แล้วให้นายพงษ์นิกร และญาติผู้น้องเป็นผู้นำศพไปทิ้งยังจุดเกิดเหตุ ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน จนมีผู้มาพบศพ เมื่อเย็นวันที่ 29 ก.ค.
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ที่ลงมือฆ่า และร่วมกันอำพรางศพ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ร้านเสริมสวย ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามสำนักงานสาธารณสุข อ.แจ้ห่ม เพื่อชี้จุดการฆ่า โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์พิสูจน์หลักฐานลำปาง เข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุด้วย
สำหรับอาจารย์โรงเรียนเขลางค์นคร จ.ลำปาง ที่ช่วยเหลือผู้ต้องหา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง ได้นำตัวไปสอบสวนเพิ่มเติม เพราะได้ปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนลงมือฆ่าผู้เสียชีวิต และไม่มีส่วนรู้เห็นในการลงมือฆ่า แต่รับว่า ช่วยเหลือซ่อนรถให้ อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แจ้ห่ม ได้เร่งทำสำนวนคดี พร้อมเร่งนำตัวผู้ต้องหาส่งฝากขังที่ศาลจังหวัดลำปางทันที โดยงดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
บ่ายวานนี้ (30 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามอาชญากรรมพิเศษ ตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แจ้ห่ม อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง ได้เข้าสอบปากคำ น.ส.เบญจรัตน์ หรืออ้อม อรชร อายุ 24 ปี เจ้าของร้านเสริมสวยในพื้นที่ อ.แจ้ห่ม เพื่อนสาวคนสนิทที่นายกิตติพงษ์ สายพรม อายุ 61 ปี อดีตข้าราชการครู รองนายกเทศบาลตำบลนาครัว อ.แม่ทะ ที่ถูกสังหารโหดทิ้งศพข้างทางไปติดพันอยู่และญาติได้แจ้งความหายตัวออกจากบ้านไป ตั้งแต่วันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้สอบสวน น.ส.เบญจรัตน์ นานกว่า 20 ชั่วโมงจนเกิดความเครียดหนัก พูดจาวกวน ก่อนรับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือฆ่านายกิตติพงษ์ จริง พร้อมระบุว่า ตนลงมือฆ่าแต่เพียงผู้เดียว ด้วยการใช้ค้อนไม้เหลี่ยมตีเข้าที่หน้าและศีรษะ ภายในห้องนอนในบ้านพัก เพื่อล้างหนี้สิน ที่ยืมมาใช้กว่า 200,000 บาท เพราะถึงแม้จะคบกันในทางชู้สาว แต่ผู้ตายก็มีครอบครัวอยู่แล้ว และได้ทวงหนี้คืนตลอด จึงได้ตัดสินใจฆ่า เพราะไม่มีเงินมาใช้คืนให้
น.ส.เบญจรัตน์ ยังให้การอีกว่า ส่วนนายมารุจน์ หรือเจี๊ยบ อรชน อายุ 19 ปี ญาติผู้น้อง ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำตัวมาทำการสอบสวนในคดีนี้นั้น ตนได้ใช้ให้มาช่วยห่อศพ ร่วมกับนายพงษ์นิกร ส่งเกสรชาติ อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นแฟนกับลูกน้องในร้านเสริมสวย ที่เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว โดยจ่ายเงินเป็นค่าจ้าง 10,000 บาท จากนั้นทั้งหมดได้ช่วยกันยกศพขึ้นรถยนต์กระบะของนายพงษ์นิกร แล้วให้นายพงษ์นิกร และญาติผู้น้องเป็นผู้นำศพไปทิ้งยังจุดเกิดเหตุ ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน จนมีผู้มาพบศพ เมื่อเย็นวันที่ 29 ก.ค.
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ที่ลงมือฆ่า และร่วมกันอำพรางศพ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ร้านเสริมสวย ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามสำนักงานสาธารณสุข อ.แจ้ห่ม เพื่อชี้จุดการฆ่า โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์พิสูจน์หลักฐานลำปาง เข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุด้วย
สำหรับอาจารย์โรงเรียนเขลางค์นคร จ.ลำปาง ที่ช่วยเหลือผู้ต้องหา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง ได้นำตัวไปสอบสวนเพิ่มเติม เพราะได้ปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนลงมือฆ่าผู้เสียชีวิต และไม่มีส่วนรู้เห็นในการลงมือฆ่า แต่รับว่า ช่วยเหลือซ่อนรถให้ อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แจ้ห่ม ได้เร่งทำสำนวนคดี พร้อมเร่งนำตัวผู้ต้องหาส่งฝากขังที่ศาลจังหวัดลำปางทันที โดยงดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
