ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- เครือข่ายต้านคอร์รัปชั่นเดินหน้าขุดคุ้ยข้อมูลโกงสนามฟุตซอลโคราช ชี้ชัดนักการเมืองตัวย่อ “ว” อดีต ส.ส.นครราชสีมาอยู่เบื้องหลังการทุจริต เตือน ป.ป.ท.อย่าด่วนสรุปคดีขอให้สาวถึงตัวการทำผิดตัวจริง แนะผู้บริหารโรงเรียนรวมตัวเข้าพบ “นายกฯ ตู่” เพื่อขอความเป็นธรรม ด้าน ผอ.โรงเรียนยันไม่เคยแตะเงินโครงการนี้เลย
วันนี้ (21 ต.ค.) นายมงคลกิตต์ สุขสินธารานนท์ เลขาธิการคณะกรรมการภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นแห่งชาติ (ภตช.) พร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่ โรงเรียนบ้านพระพุทธ ต.พระพุทธ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา เพื่อตรวจสอบสนามฟุตซอลที่มีปัญหาการทุจริต รวมทั้งหารือกับ นางประภา ธำรงพัฒนารักษ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านพระพุทธ โดยมี ร.ท.นิธิต ศรีพรหมมา นายทหารฝ่ายการข่าวมณฑลทหารบก (มทบ. 21) กองทัพภาคที่ 2 ร่วมลงพื้นที่สังเกตการณ์ในครั้งนี้ด้วย
สำหรับสนามฟุตซอลโรงเรียนดังกล่าวใช้งบประมาณก่อสร้าง 2.5 ล้านบาท ปัจจุบันถูกรื้อแผ่นยางสังเคราะห์ปูพื้นสนามไปเก็บไว้ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งนำมาปูพื้นบริเวณหน้าอาคารเรียนเด็กอนุบาลให้นักเรียนได้ยืนเข้าแถวเคารพธงชาติแทนปูสนามฟุตซอล
จากการตรวจสอบของคณะนายมงคลกิตต์ พบว่ายางสังเคราะห์อยู่ในสภาพใช้งานได้ แต่ต้องรื้อไปเก็บไว้ เนื่องจากอยู่ในช่วงปิดภาคเรียนและมีการปรับปรุงโรงเรียน รถยนต์ต้องขับผ่านสนามฟุตซอล จึงรื้อแผ่นยางไปเก็บไว้เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายไปมากกว่านี้
จากนั้นทางนายมงคลกิตต์ได้ร่วมประชุมชี้แจงกับผู้บริหารโรงเรียนและคณะครูว่า ไม่ได้มีวัตถุประสงค์จะมาจับผิด หรือเอาผิดครู หรือผู้บริหารโรงเรียน แต่ต้องการให้ผู้ที่ทำการทุจริตในโครงการนี้ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งทำให้ทางครู และผู้บริหารโรงเรียนที่เกี่ยวข้องรู้สึกสบายใจขึ้น พร้อมกับให้ข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าว
นายมงคลกิตต์เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้ไม่ได้มีเป้าหมายที่จะจับผิด หรือเอาผิดครู เป็นการลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับครู หรือผู้บริหารโรงเรียน ให้เข้าใจว่าเรามีเจตนาที่จะเอาผิดคนที่ทุจริตโครงการดังกล่าวจริงๆ ซึ่งเป็นนักการเมืองใหญ่ และผู้ใหญ่ในสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ที่ร่วมมือกันดำเนินแผนการทุจริตตั้งแต่การตั้งโครงการขึ้นมาแล้ว โดยให้ตัวแทนลงพื้นที่ พูดคุยกับโรงเรียนเสนอโครงการนี้มาให้ ซึ่งทางโรงเรียนส่วนใหญ่เห็นว่าได้สนามฟุตซอลฟรีก็ดีใจ และไม่ได้ไปติดตามดูว่างบประมาณมีความเป็นมาเป็นไปอย่างไร โดยทุกอย่างได้ถูกกำหนดมาจากข้างบนแล้ว ทางโรงเรียนไม่น่าจะมีส่วนรู้เห็นหรือมีส่วนได้ส่วนเสียจากโครงการนี้อย่างแน่นอน
จึงได้ให้ข้อแนะนำแก่ทางโรงเรียนว่าให้รวมตัวกันไว้ หากไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือหากเห็นความผิดจะมาตกอยู่ที่โรงเรียนเพียงอย่างเดียว โดยที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียจากโครงการนี้ให้เตรียมรวมตัวกันเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อขอความเป็นธรรม เพื่อให้ไปดำเนินการเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้อง เอาผิดคนที่ทุจริตจากโครงการนี้จริงๆ
ทั้งนี้ ขอฝากถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ด้วยว่า อย่ารีบสรุปสำนวนเร็ว ขอให้ทำการสืบสวนอย่างละเอียดก่อน เพราะหากทำกันอย่างผิวเผินความผิดจะมาตกอยู่ที่ครูหรือผู้บริหารโรงเรียน ที่ไม่น่าจะมีส่วนได้ส่วนเสียจากโครงการดังกล่าวหรือเป็นคนผิดเพียงคนเดียวจากโครงการนี้ เพราะทาง สพฐ. เตรียมจะเอาผิดทางโรงเรียนอยู่แล้ว หากเร่งปิดสำนวนจะเหมือนเป็นการโยนความผิดให้พ้นตัว จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างรอบคอบ และทำการสืบสวนเพื่อเอาผิดคนผิดตัวจริง
“โดยในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ชี้ชัดได้เลยว่ามี อดีต ส.ส.นครราชสีมา ชื่อย่อ “ว” เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องหรือเป็นผู้อยู่เบื้องหลังโครงการดังกล่าว ส่วนที่ จ.อุบลราชธานี มีอดีตนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วย ซึ่งทาง ภตช.จะไม่ยอมปล่อยให้ผู้ที่ทำการทุจริตในครั้งนี้หลุดไปได้อย่างแน่นอน” นายมงคลกิตต์กล่าว
ด้าน นางประภา ธำรงพัฒนารักษ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านพระพุทธ เปิดเผยว่า ทางโรงเรียนได้รับงบประมาณการก่อสร้างสนาม 2.5 ล้านบาทในปี 2555 จริง แต่ขอยืนยันว่าหากมีการทุจริต ทางโรงเรียนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตอย่างแน่นอน เพราะทุกอย่างถูกกำหนดมาจากข้างบน โดย สพฐ.เป็นคนกำหนดมาทุกอย่าง เรามีหน้าที่เพียงทำตามเท่านั้น
ที่ผ่านมาโรงเรียนไม่เคยได้งบประมาณมากขนาดนี้ ถึงจะเป็นงบก่อสร้างก็ไม่เคยได้หลักล้านบาท เมื่อจะมีสนามฟุตซอลราคาเป็นล้านก็ดีใจ และดำเนินการตามขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง โดยมีเอกสารหลักฐานถูกต้องตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง และยังมีวิศวกรมาร่วมตรวจสอบด้วยจึงเชื่อว่าน่าจะมีมาตรฐาน
ส่วนครูบางคนมีหน้าที่ตรวจรับแทนผู้อำนวยการก็ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย หลังจากที่มีข่าวออกมาว่า สพฐ.เตรียมจะเอาผิด ครู หรือผู้อำนวยการอย่างเดียว ทำให้ที่ผ่านมาครูมีความไม่สบายใจ และใกล้เปิดเรียนแล้วไม่รู้จะมีสมาธิสอนเด็กหรือไม่ ซึ่งหากในการสืบสวนหาคนผิดจากโครงการสร้างสนามฟุตซอลในครั้งนี้ไม่ได้รับความเป็นธรรม พวกเราพร้อมที่จะเดินทางเข้าพบนายกรัฐมนตรีเพื่อขอความเป็นธรรมอย่างแน่นอน