ศรีสะเกษ- แฉผลตรวจสนามฟุตซอลโรงเรียน จ.ยโสธร-ศรีสะเกษ พบโคตรโกงชัด ราคาแพงเกินจริงถึง 1,000% และฮั้วประมูล เอี่ยวงาบทั้งนักการเมือง บิ๊กข้าราชการ สพฐ.และพ่อค้า โดยมีโรงเรียนเป็นเหยื่อ แนะ ผอ.ร.ร.และ ผอ.สพป.ยอมซัดทอดตัวการใหญ่ให้ติดคุกยกแก๊งเพื่อแลกถูกกันไว้เป็นพยาน พร้อมแจ้งความเป็นหลักฐานนำไปแนบสำนวน ป.ป.ช.และ สตง.อาจพ้นโทษได้
วันนี้ (16 ต.ค.) ที่โรงรียนอนุบาลยางชุมน้อย (หน่วยคุรุราษฎร์) อ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ กรรมการและเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นของชาติ (ภตช.) กล่าวระหว่างนำคณะเดินสายตรวจสอบโครงการก่อสร้างสนามฟุตซอลในเขตพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ และ จ.ยโสธร ว่าจากการตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างสนามฟุตซอล ทั้ง 2 จังหวัด ขนาดวงเงินงบประมาณสนามละ 2,500,000 บาท พบว่าการดำเนินการส่อไปในทางทุจริตหลายรายการอย่างชัดเจน เช่น ที่ จ.ยโสธร ยางปูพื้นสนาม มีราคาสูงกว่าราคาซื้อขายตามท้องตลาดมากถึง 1,000% ส่วนที่ จ.ศรีสะเกษ สูงกว่าราคาท้องตลาด 500%
อีกทั้งที่สำคัญการเคาะราคาประมูลงานในการจัดซื้อจัดจ้างแบบอี-อ็อกชัน ไม่เป็นไปตามระเบียบสำนักงานนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และแก้ไขเพิ่มเติม โดยมีการเคาะราคาสูงกว่าราคากลางและต่ำกว่าราคากลางน้อยมาก ไม่เป็นไปตามระเบียบกฎหมายที่กำหนดไว้ แสดงว่ามีการฮั้วประมูลงานและส่อไปในทางทุจริตที่ชัดเจนมาก
นายมงคลกิตติ์กล่าวต่อว่า ในส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตครั้งนี้ ประกอบด้วย นักการเมืองที่มีอำนาจในสมัยรัฐบาลที่แล้ว ข้าราชการระดับสูง และพ่อค้า โดยมีข้าราชการคนหนึ่งปัจจุบันเป็นระดับ “รองเลขาธิการ” ที่เคยอยู่สำนักงานนโยบายและแผน ชื่อย่อ “ร.” เป็นผู้ร่วมดำเนินการประสานงานกับทางโรงเรียน โดยมีโรงเรียนเป็นเหยื่อ
เมื่อการตรวจสอบการทุจริตมาถึงขั้นตอนนี้แล้ว พบว่าโครงการก่อสร้างสนามฟุตซอล นี้มีการทุจริตที่ชัดแจ้งมาก ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) และผู้อำนวยการโรงเรียนที่ได้รับจัดสรรงบประมาณ ควรต้องหารือกันว่าจะยอมรับผิดแต่โดยดีไม่มีการซัดทอดใครเลย หรือซัดทอดให้ถึงตัวการใหญ่ 4-5 คนนั้นแล้วผู้อำนวยการเขต และผู้อำนวยการโรงเรียนรอดพ้นความผิด โดยอาจมีการกันเอาผู้อำนวยการเขตและผู้อำนวยการโรงเรียนไว้เป็นพยานก็ได้
โดยขอแนะนำว่า ให้ผู้อำนวยการเขต และผู้อำนวยการโรงเรียนที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณนี้ ไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนท้องที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐานว่าข้อเท็จจริงของเรื่องนี้เป็นอย่างไร และนำเอาสำเนาใบแจ้งความไปแนบสำนวนการสอบสวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) หากเป็นข้าราชการระดับ 9 ก็ให้แทรกไว้ในสำนวนของ สตง.อาจจะทำให้พ้นผิดได้
ทั้งนี้ ขณะนี้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เร่งเครื่องเรื่องนี้เต็มสูบด้วยการไปตรวจสอบประจำอยู่ที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) แล้ว แสดงว่างานนี้จะต้องมีคนผิด จะเป็นนักการเมือง ข้าราชการระดับสูง และพ่อค้า
“ฉะนั้นมาถึงตอนนี้ ผู้อำนวยการเขต และผู้อำนวยการโรงเรียนจะต้องเลือกแล้วว่าจะให้คนที่เป็นตัวการ 4-5 คน เป็นผู้รับผิดติดคุกหรือว่าจะให้ผู้อำนวยการเขต และผู้อำนวยการโงเรียนรวมทั้ง กก.ตรวจรับ 200-300 คน มีความผิดทั้งอาญาและวินัยติดคุกแทนข้าราชการระดับสูงใน สพฐ.” นายมงคลกิตติ์กล่าว