“สมชาย” ยัน สนช.มีอำนาจแต่งตั้ง-ถอดถอน แต่กรณี “นิคม-ขุนค้อน” ยังมีความเห็นต่างว่า รธน.ปี 50 ยกเลิกไปแล้วจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่ คาดมีความเห็น 3 แนวทาง “รับไว้ดำเนินการ-ไม่รับ-งดเว้นข้อบังคับพักการพิจารณารอสภาชุดหน้า” ส่วนการประสานงานระหว่าง สนช.กับรัฐบาล เตรียมส่ง 17 วิปกลั่นกรองกฎหมายขั้นแรกก่อนส่งเข้าที่ประชุม
นายสมชาย แสวงการ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในฐานะวิป สนช. กล่าวถึงการพิจารณาเรื่องถอดถอนนายยิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภาและนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา ตามสำนวนกล่าวหาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว.มิชอบด้วยกฎหมาย ในวันที่ 17 ต.ค.ว่า ไม่มีปัญหาเรื่องอำนาจหน้าที่ เพราะ สนช.มีอำนาจในการแต่งตั้งและถอดถอนอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ยังมีความเห็นแตกต่างกันเกี่ยวกับฐานความผิดว่า รัฐธรรมนูญปี 2550 ยกเลิกไปแล้ว หากระบุฐานความผิดจากรัฐธรรมนูญดังกล่าวจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่ หรือมีฐานความผิดอื่นทีเข้าข่ายตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 58 ซึ่งที่ประชุมจะพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยมีความเป็นไปได้ใน 3 แนวทาง คือ เห็นว่าเป็นฐานความผิดที่ถอดถอนได้ก็รับไว้ดำเนินการ หรือไม่รับไว้ดำเนินการเพราะมีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายก็ต้องพิจารณาต่อไปว่าผลจากเรื่องนี้จะทำให้คนที่ถูกกล่าวหาพ้นความผิดไปเลยหรือไม่ หรืออาจจะมีการยกเว้นข้อบังคับการประชุมที่ระบุให้ดำเนินการถอดถอนภายใน 30 วัน และให้มีการพักการพิจารณาเรื่องนี้ไว้ชั่วคราวจนกว่าจะมีรัฐสภาใหม่
นายสมชายกล่าวด้วยว่า ในการพิจารณาร่างกฎหมายทาง สนช.จะส่งวิป 17 คนไปเป็นวิปรัฐบาลประชุมร่วมกับรัฐบาลเพื่อพิจารณาร่างกฎหมายที่รัฐบาลต้องการผลักดันก่อนที่จะนำเข้าสู่การพิจารณาของ สนช.ซึ่งถือเป็นการกลั่นกรองในขั้นแรก