เลขาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติ เผยเตรียมพร้อมการทำงานแล้ว นำงบสภาใช้ดำเนินการ โยน ป.ป.ช.ตัดสินให้ สปช.แสดงบัญชีทรัพย์สินหรือไม่ รับส่งเจ้าหน้าที่แจ้งฟันอาญา “สุวิจักขณ์” และพวกแล้ว เล็งเรียกข้าราชการคุยสร้างสภาใหม่ ยันดินมูลนิธิราชประชาฯ เอาไปใช้
วันนี้ (29 ก.ย.) ที่รัฐสภา นายจเร พันธุ์เปรื่อง เลขาธิการสภาผู้แทนราษฏร ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวว่า ขณะนี้สภาได้เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการทำงานของ สปช.แล้ว และเมื่อมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง สปช.ทั้ง 250 คน จะกำหนดให้เข้ารายงานตัวในวันรุ่งขึ้นทันที ขณะเดียวกันได้เตรียมบุคลากรไว้พร้อมสำหรับการสนับสนุนงานของ สปช. ทั้งเรื่องการตั้งคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และเรื่องการเตรียมการตั้งกรรมาธิการ 11 คณะ พร้อมทั้งเตรียมงบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบของสภาผู้แทนราษฎรในปี 2557 มาใช้ในการดำเนินการ
สำหรับการประชุมนัดแรกของ สปช.จะเป็นการหารือเพื่อเลือกประธาน และรองประธาน สปช. โดยจะใช้ข้อบังคับการประชุมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ไปก่อน จากนั้นค่อยยกร่างข้อบังคับการประชุม สปช.อีกครั้งซึ่งเนื้อหาน่าจะใกล้เคียงกับข้อบังคับการประชุม สนช. ส่วนการกำหนดวันประชุม สปช.จะเป็นวันใดนั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของที่ประชุม
ส่วน สปช.ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินหรือไม่ นายจเรกล่าวว่า สถานะของ สปช.ไม่ได้เป็นทั้ง ส.ส.และ ส.ว. จึงขึ้นอยู่กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะพิจารณา
เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรยังให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการตรวจสอบการทุจริตโครงการต่างๆ ในรัฐสภาว่า ก่อนหน้านี้ได้ให้เจ้าหน้าที่เดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีอาญากับนายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย อดีตเลขาธิการสภาฯ และข้าราชการ ประมาณ 7-8 คน ฐานความผิดปฏิบัติหน้าโดยมิชอบ ในส่วนคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ นั้น ก็ตรวจสอบแล้วเสร็จในบางโครงการและได้มอบข้อมูลหลักฐานให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ด้วย
ส่วนการก่อสร้างรัฐสภาใหม่ที่นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กังวลเพราะการก่อสร้างล่าช้า เห็นว่ามีปัญหาเรื่องส่งมอบพื้นที่ที่ติดขัดหลายปัจจัยและขณะนี้ดำเนินการเรียบร้อย ขณะที่การขนดินในพื้นที่การก่อสร้างที่ก่อนหน้านี้ไม่ทราบว่าดินที่นำออกไปหายไปไหน ปรากฏว่าอาจมีความสับสน แต่ขณะนี้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ได้มาขอรับดินออกไปถมที่ดินของมูลนิธิจึงไม่มีปัญหาอะไรแล้ว อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะเชิญข้าราชการในสภาฯ มาพบปะเพื่อมอบนโยบายที่เกี่ยวกับการดำเนินงานจัดซื้อจัดจ้างว่าต้องคำนึงถึงความเหมาะสมและจำเป็น เพื่อความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณและความโปร่งใส สุจริต ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจ