ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เลขาธิการคณะกรรมการ สกสค. ตั้งโต๊ะแจงกรณีโครงการก่อสร้างอาคารศูนย์พัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาภาคเหนือจังหวัดเชียงใหม่ มูลค่า 360 ล้านบาท ยืนยันโปร่งใสไร้ทุจริต DSI ตรวจสอบแล้ว แต่ที่ผ่านมา ไม่ตอบโต้เนื่องจากอยู่ระหว่างรอคำปรึกษาจากอัยการสูงสุด ชี้ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากเอกชนผู้รับจ้างไม่สามารถก่อสร้างได้ตามแผน แต่กลับบ่ายเบี่ยงอ้างเหตุผลสารพัด เตรียมยกเลิกสัญญาจ้าง และดำเนินการตามกฎหมาย
วันนี้ (11 ต.ค.) ที่ห้องประชุมสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) จังหวัดเชียงใหม่ นายสมศักดิ์ ตาไชย เลขาธิการคณะกรรมการ สกสค. แถลงชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีโครงการก่อสร้างอาคารศูนย์พัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาภาคเหนือจังหวัดเชียงใหม่ มูลค่า 360 ล้านบาท ที่ครบกำหนดสร้างเสร็จ และส่งมอบเมื่อวันที่ 8 ก.ค.57 แต่เกิดปัญหาการก่อสร้างไม่แล้วเสร็จตามระยะเวลาในสัญญา เนื่องจากมีปัญหาความขัดแย้งกับเอกชนที่รับจ้าง รวมทั้งมีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับความโปร่งใสของโครงการนี้
ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทาง สกสค.ได้ทำหนังสือเพื่อหารือประเด็นต่างๆ ต่อทางสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งล่าสุด ได้มีการตอบข้อหารือตามหนังสือที่ อส.0005/10081 ลงวันที่ 25 ก.ย.57 กลับมาถึง สกสค.เมื่อวันที่ 9 ต.ค.57 ว่า กรณีการยกเลิกสัญญาจ้างให้เป็นไปตามเงื่อนไขการบริหารตามสัญญาจ้าง ซึ่งตามสัญญาทางบริษัทเอกชนผู้รับจ้างไม่มีสิทธิเป็นฝ่ายขอยกเลิกสัญญาจ้าง
อีกทั้งตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ก็ไม่อาจนำมาหยิบยกเป็นเหตุให้เอกชนเป็นฝ่ายขอยกเลิกสัญญาจ้างได้ด้วย โดยจากนี้ทางคณะกรรมการ สกสค.จะมีการพิจารณายกเลิกสัญญาจ้างต่อไป พร้อมทั้งดำเนินการตากฎหมายต่อเอกชนดังกล่าวที่เป็นฝ่ายผิดสัญญาจ้าง
เลขาธิการคณะกรรมการ สกสค. บอกด้วยว่า กรณีที่มีการร้องเรียนว่าอาจจะมีการทุจริตในการดำเนินโครงการนี้นั้น ยืนยันว่ามีการดำเนินการอย่างโปร่งใส โดยใช้วิธีการประกวดราคาตามกระบวนการควบคุมของกรบัญชีกลาง และมีการว่าจ้างให้สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เป็นผู้ควบคุม และที่ปรึกษาโครงการ รวมทั้งทางกรมสอบสวนคดีพิเศษก็ได้มีการเข้าตรวจสอบถึง 2 ครั้ง และได้ข้อสรุปว่า โครงการนี้ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย ไม่มีการทุจริต และได้ยุติการเรื่องการตรวจสอบพร้อมทั้งให้ดำเนินโครงการต่อไป
สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น นายสมศักดิ์ ระบุว่า มาจากการที่ผู้รับจ้างไม่สามารถก่อสร้างได้ตามแผน โดยยังไม่สามารถส่งมอบงานงวดที่ 1 เลย และปัจจุบันเงินงบประมาณตามโครงการนี้จำนวน 360 ล้านบาท ยังไม่มีการเบิกจ่าย แต่ทางเอกชนกลับมาอ้างเหตุความไม่ชัดเจนแห่งสัญญาจ้าง และขอยกเลิกสัญญา พร้อมทั้งนำเรื่องฟ้องศาลปกครอง ซึ่งที่ผ่านมา ทาง สกสค.ยังไม่ได้ชี้แจง หรือตอบโต้ใดๆ เนื่องจากได้ปรึกษาขอความเห็นไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อประกอบการพิจารณายกเลิกสัญญาจ้าง พร้อมกับสงวนสงวนสิทธิเรียกร้องค่าเสียหาย กระทั่งเพิ่งได้รับคำตอบกลับมาจึงมีการชี้แจงในครั้งนี้
ส่วนการดำเนินการต่อไปของโครงการก่อสร้างอาคารศูนย์พัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาภาคเหนือจังหวัดเชียงใหม่นั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นภายในเดือนนี้คณะกรรมการ สกสค.จะพิจารณาลงมติเกี่ยวกับการดำเนินการยกเลิกสัญญาจ้างเอกชน พร้อมทั้งดำเนินการตามกฎหมาย ในส่วนของการก่อสร้างนั้นจะมีการพิจารณาอีกครั้งหนึ่งว่าจะดำเนินการก่อสร้างตามแบบเดิมต่อจากที่ได้ทำไว้แล้ว หรือว่าจะทำการออกแบบ และก่อสร้างใหม่ หรือว่าจะมีทางเลือกอย่างใดซึ่งจะมีการสรุปอีกครั้งหนึ่ง
ขณะที่กรณีผู้ที่ร้องเรียนกล่าวหาเกี่ยวกับการดำเนินโครงการนี้ว่า อาจจะมีการทุจริตจนทำให้เกิดความเสียหายต่อ สกสค.และผู้บริหารนั้น นายสมศักดิ์ เปิดเผยว่า ในกรณีของนายสมคิด หอมเนตร กับพวกได้มีการดำเนินคดีโดยฟ้องต่อศาลอาญาแล้วเมื่อวันที่ 24 ก.ย.57 ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 8 ธ.ค.57
ส่วน นายยอดเยี่ยม ศรีมันตะ ที่ทำการกล่าวหาเรื่องความไม่โปร่งใสโดยให้ข้อมูลที่เป็นเท็จนั้น ได้มอบหมายให้ทนายความดำเนินการกล่าวโทษ และร้องทุกข์ในข้อหาหมิ่นประมาทและแจ้งความเท็จ ซึ่งจะดำเนินการแจ้งความที่ สภ.ช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ ในวันที่ 13 ต.ค.57 นี้