ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “พ.อ.สมหมาย” ที่ปรึกษากฎหมาย ทภ.2 พร้อม นอภ.เฉลิมพระเกียรติโคราช นำกำลังทหารและฝ่ายปกครองเข้าตรวจสอบบ่อทรายยักษ์ 216 ไร่ หลังชาวบ้านร้อง ระบุพบพิรุธอื้อทั้งใช้ประโยชน์ที่ดินไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ กม.-บุกรุกป่าสงวนฯ-ที่มาเอกสารสิทธิมิชอบ ชี้ส่วนใดถูกแจ้งความดำเนินคดีแล้วให้เดินหน้าต่อ พร้อมงัด กม.ฟอกเงินเอาผิด-ยึดทรัพย์เพิ่มเติม ขณะบุกตรวจ นอภ.ปะทะคารมฝ่ายนายทุนบ่อทราย หวิดวางมวย
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (7 ต.ค.) พ.อ.สมหมาย บุษบา ที่ปรึกษากฎหมายกองทัพภาคที่ 2 พร้อมด้วยนายวิจิตร กิจวิรัตน์ นายอำเภอเฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา ได้สนธิกำลังทหารและฝ่ายปกครองรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกว่า 50 นาย เข้าตรวจสอบบ่อขุดทรายของบริษัท ทรายสยามอุตสาหกรรม จำกัด เลขที่ 91 ม.1 ต.ช้างทอง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา หลังชาวบ้านได้ร้องเรียนเข้าไปยังกองทัพภาคที่ 2 ว่าได้รับความเดือดร้อนจากการทำอุตสาหกรรมบ่อทรายดังกล่าว
ขณะที่คณะของ พ.อ.สมหมายเดินทางเข้าไปพบว่าบ่อทรายดังกล่าวถูกปิดดำเนินการ พบเพียงช่างซ่อมรถแบ็กโฮ และรถบรรทุกกำลังทำงานอยู่เท่านั้น โดยด้านหน้าสำนักงานติดป้ายประกาศว่า “ปิดบ่อวันที่ 14 ส.ค. 2557 นายอำเภอสั่งปิด ไม่มีการทำสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น ไม่งั้นจะจับหมดบ่อ”
ต่อมานายมงคล จรรยากุล อายุ 52 ปี ผู้จัดการบริษัททรายสยามฯ และนายสุขทวีโชค บุญราช อาย 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 263/33 ถ.หลังวิทยาลัยเทคนิค อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ผู้ติดตามได้เดินทางมาพบและชี้แจงรายละเอียดพร้อมยื่นเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์การครอบครองและการขออนุญาตในการประกอบกิจการของบ่อทรายดังกล่าวแก่ พ.อ.สมหมาย ก่อนที่จะนำคณะลงพื้นที่ตรวจสอบบ่อทรายทั้ง 2 บ่อขนาดใหญ่ บนเนื้อที่กว่า 216 ไร่ ซึ่งถูกน้ำท่วมบางส่วนเนื่องจากไม่ได้ประกอบกิจการหลังจากถูกสั่งปิด ซึ่งใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง พร้อมใช้แผนที่ทหารเพื่อระบุพิกัดที่ตั้งของบ่อทรายดังกล่าว
พ.อ.สมหมายกล่าวว่า การลงพื้นที่ตรวจสอบครั้งนี้เนื่องจากชาวบ้านร้องไปยังกองทัพภาคที่ 2 ตนและคณะ ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญการแปรแผนที่จากกรมที่ดิน และผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) จึงเดินทางลงมาตรวจสอบพร้อมหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในวันนี้ผู้ประกอบการได้ทำกิจการดูดทรายจากดิน แต่ตั้งอยู่ติดลำน้ำมูล และอ้างว่ามีเอกสารสิทธิครอบครองที่ดินทั้ง ส.ค.1 น.ส.3 ก. และโฉนดที่ดินในพื้นที่ทำบ่อทรายกว่า 216 ไร่ 1 งาน และ 67 ตารางวา ซึ่งเอกสารสิทธิดังกล่าวให้ใช้ประโยชน์ในการทำกิน ฉะนั้น การดูดดินและทรายไปขายไม่น่าจะถูกต้องและมีบ่อทรายบางส่วนที่อยู่นอกเขตโฉนด
ทั้งนี้ ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทำการจับพิกัดโดยรอบพื้นที่บ่อทรายของบริษัทดังกล่าว เพื่อจะได้นำไปประกอบกับแผนที่ของทางทหาร เพื่อชี้ชัดลงไปว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติท่าช้าง และป่าหนองกระทิงหรือไม่ และโฉนดหรือเอกสารสิทธิต่างๆ ได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพื่อดำเนินการขั้นต่อไป
ขณะนี้บ่อทรายดังกล่าวถูกทางอำเภอสั่งปิดไม่ให้ประกอบกิจการอยู่แล้วและการดำเนินคดีอยู่ในชั้นอัยการ โดยการดำเนินคดีต่างๆ ที่ทำมาก่อนแล้วก็ให้เดินหน้าต่อไป แต่หากมีข้อมูลใหม่ต้องส่งเข้าไปในชั้นอัยการเพิ่มเติมอีก เช่น การนำกฎหมายว่าด้วยการฟอกเงิน มาตรา 3 (15) มาบังคับใช้เพื่อเอาผิดและดำเนินการยึดทรัพย์นายทุนที่กระทำผิดนำทรัพยากรธรรมชาติมาใช้หาผลประโยชน์เพื่อการค้า
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะเข้าตรวจบ่อทรายของบริษัทดังกล่าวได้เกิดเหตุชุลมุนขึ้น เนื่องจากมีการโต้เถียงปะทะคารมกันระหว่าง นายวิจิตร กิจวิรัตน์ นายอำเภอเฉลิมพระเกียรติ กับนายสุขทวีโชค บุญราช ผู้ติดตามนายมงคล ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของรถแบ็กโฮ และอ้างว่าเป็นหลานชาย นายกฤษฎา บุญราช รักษาการอธิบดีกรมการปกครอง ถึงขั้นหวิดวางมวยหรือชกต่อยกัน เจ้าหน้าที่ทหารจึงได้ควบคุมตัว นายสุขทวีโชคขึ้นรถฮัมวี่เพื่อนำตัวไปสอบสวนในค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ต่อไป
ด้านนายวิจิตร กิจวิรัตน์ นายอำเภอเฉลิมพระเกียรติ กล่าวว่า ผู้ประกอบการมีความเข้าใจผิดว่าการประชุมสภาท้องถิ่นต่างๆ เป็นคำสั่งที่สามารถนำมาใช้ในการอ้างว่าเป็นการอนุญาตให้ประกอบกิจการได้ ซึ่งความจริงไม่สามารถนำมาอ้างได้ เพราะต้องขออนุญาตหน่วยงานที่รับผิดชอบ จึงทำให้เกิดปัญหา ซึ่งกรณีบริษัททรายสยามฯ นี้เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินไปตามขั้นตอนของกฎหมายแล้วเรื่องอยู่ในชั้นอัยการ ในระหว่างการดำเนินคดีได้ส่งเจ้าหน้าที่มาคอยสอดส่องและขอความร่วมมือชาวบ้านให้แจ้งเบาะแส ซึ่งยังพบว่ามีการขนทรายออกไปบางส่วน และยังมีการเคลื่อนย้ายรถแบ็กโฮที่เจ้าหน้าที่สั่งอายัดไว้แล้ว และวันนี้เจ้าหน้าที่ป่าไม้จะนำรถแบ็กโฮที่อายัดไว้ 4 คัน ไปเก็บไว้ในสถานที่ราชการ เพื่อไม่ให้มีการขนย้ายได้อีก
ด้านนายมงคล จรรยากุล อายุ 52 ปี ผู้จัดการ บริษัท ทรายสยามอุตสาหกรรม จำกัด กล่าวว่า วันนี้รู้สึกดีใจที่ทหารของกองทัพภาคที่ 2 โดย พ.อ.สมหมายได้ลงมาตรวจสอบพื้นที่ และเรียกดูเอกสารหลักฐานที่มีอยู่ทั้งหมด เพราะที่ผ่านมาตนไม่เคยได้ชี้แจงเลยมีแต่ถูกเจ้าหน้าที่รัฐกล่าวหามาโดยตลอด ทำให้ครอบครัวโดยเฉพาะลูกเวลาไปโรงเรียนต้องถูกเพื่อนๆ ล้อว่าพ่อไปบุกรุกที่ป่าสงวนแห่งชาติ วันนี้ตนก็อยากรู้ความจริงว่าเอกสารสิทธิที่ถือมาตลอด 20 ปี ที่ใช้ประกอบกิจการ มันถูกต้องหรือได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และพื้นที่ที่อาศัยประกอบกิจการนี้อยู่ในป่าสงวนแห่งชาติจริงหรือไม่ หากผิดจริงตนก็พร้อมยอมรับ แต่วันนี้ดีใจที่ได้ชี้แจงกับฝ่ายทหารให้เข้าใจ