ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “พ.อ.สมหมาย” ที่ปรึกษา กม.กองทัพภาค 2 นำกำลังทหารลุยบุกจับแก๊งนายทุนบ่อดินสร้างหลุมดำยักษ์ใหญ่ผิด กม.จำนวนมาก อายัดรถแบ็กโฮ รถไถ สิบล้อ รวม 9 คัน ควบคุมตัวคนเฝ้าไปสอบเครียดในค่ายทหาร เผยเฉพาะตำบลเดียวมีหลุมดำยักษ์เกลื่อนกว่า 50 บ่อ พร้อมยึดคืนที่ดินสาธารณประโยชน์ริมบึงหลายพันไร่ หลังถูกบุกรุกมานาน สั่ง ตร.เร่งดำเนินคดี
เมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้ (5 ต.ค.) พ.อ.สมหมาย บุษบา ที่ปรึกษากฎหมาย กองทัพภาคที่ 2 นำกำลังทหารกว่า 20 นาย บุกเข้าตรวจจับผู้ประกอบการขุดดินขายผิดกฎหมาย ในพื้นที่บ้านบึกประเสริฐ หมู่ 8 ต.พุดซา อ.เมือง จ.นครราชสีมา โดยมี นายนิรันดร์ ดุจจานุทัศน์ นายอำเภอเมือง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ ตำรวจ สภ.พลกรัง และ สภ.พุดซา เข้าร่วมปฏิบัติการครั้งนี้ด้วย
โดยขณะที่คณะของ พ.อ.สมหมาย ลงตรวจสอบบ่อดินดังกล่าว พบมีรถแบ็กโฮ รถไถ และรถบรรทุกดิน 6 ล้อ และรถบรรทุก 10 ล้อรวม 9 คัน จอดอยู่ในจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ่อดินเปิดหน้ากว้างกว่า 1 ไร่ ความลึกกว่า 7 เมตร ถูกขุดดินไปขายแล้วบางส่วน และ พบนายทวิช เกณฑ์พิมาย อายุ 42 ปี คนขับรถแบ็กโฮ และคนเฝ้าบ่อดินให้การต่อเจ้าหน้าที่ว่า ที่ดินดังกล่าวเป็นของ นายสัน ไม่ทราบนามสกุล ตนรับจ้างขุดดินโดยเริ่มขุดมาตั้งแต่เดือน ก.ค.ที่ผ่านมา โดยนายสันจ้างให้ขุดลึกประมาณ 7 เมตร ส่วนรถบรรทุกคนขับรถนำมาฝากไว้เพื่อรอบรรทุกดินออกไป
เจ้าหน้าที่จึงทำการอายัดรถทั้งหมดไว้ไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่ โดยมอบหมายให้นายก อบต.พลกรัง รับผิดชอบในการดูแลรักษาของกลาง และแจ้งข้อกล่าวหาต่อ นายทวิช ก่อนนำตัวไปสอบสวนในกองทัพภาคที่ 2 และมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวกลุ่มนายทุนและผู้ที่เกี่ยวข้องให้ปากคำเพิ่มเติมต่อเจ้าหน้าที่ทหาร ในค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 อ.เมือง จ.นครราชสีมา
ในวันเดียวกันนี้ (5 ต.ค.) คณะของ พ.อ.สมหมาย ยังได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่ดินสาธารณประโยชน์บึงพุดซา ต.พุดซา หมู่ 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งมีราษฎรรวมกว่า 80 ราย เข้าบุกรุกทำกินมากกว่า 160 ไร่ จากทั้งหมด 2,400 ไร่ ก่อนเดินทางไปตรวจสอบที่ดินสาธารณประโยชน์บึงลำโพง ถูกบุกรุกเข้าไปสร้างที่อยู่อาศัยกว่า 83 ไร่ รวม 10 ราย จากที่ดินทั้งหมด 450 ไร่ และ ที่สาธารณประโยชน์บึงเขว้าที่ถูกบุกรุกเข้าไปทำกินเช่นกัน
โดย พ.อ.สมหมาย ได้สั่งการให้ท้องถิ่นเข้าไปดำเนินการรวบรวมรายละเอียดทั้งหมดเพื่อเข้าแจ้งความเอาผิด และขับไล่ผู้บุกรุกออกจากพื้นที่ เพราะที่สาธารณประโยชน์ต้องเป็นของส่วนรวม หากผู้บุกรุกรายใดมีปัญหาขอให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน
นอกจากนี้ คณะของ พ.อ.สมหมาย ยังเดินทางไปตรวจสอบบ่อดิน ซึ่งเอกชนได้ทำการขุดดินขายให้แก่โครงการบ้านจัดสรรต่างๆ ใน จ.นครราชสีมา ทำให้เกิดเป็นบ่อดินขนาดใหญ่ และลึกมากกว่า 50 เมตร เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ ต.พุดซา มีกลุ่มนายทุนเข้ามากว้านซื้อที่ชาวบ้านราคาถูกเพื่อนำไปขุดดินขายมากกว่า 50 บ่อ โดยลักษณะบ่อดินแต่ละบ่อที่ขุดดินเพื่อนำไปขายกินพื้นที่กว้างใหญ่ไม่น้อยกว่า 5-10 ไร่ ลึกมากกว่า 50 เมตร
ขณะเดินทางไปตรวจบ่อดินที่ หมู่ 14 ต.พุดซา นายจำนอง แคว้นพุดซา อายุ 43 ปี พร้อมพี่สาว ได้เข้าร้องเรียนต่อ พ.อ.สมหมาย ว่า ได้รับความเดือดร้อนจากกรณีที่นายทุนมาขุดบ่อดินติดกับที่ดินของตนทำให้ที่ดินของตนยุบตัวพังทลายลงไปในบ่อทำให้พื้นที่เสียหายเป็นบริเวณกว้าง สร้างความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก และวัวที่เลี้ยงไว้ก็ต้องนำสายไฟฟ้ามาล้อมบ่อดินไว้เนื่องจากเกรงว่าวัวจะตกลงไปในบ่อดินยักษ์ใหญ่ และลึกดังกล่าว ซึ่ง พ.อ.สมหมาย ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้และรับปากที่จะดำเนินการให้ต่อไป
พ.อ.สมหมาย กล่าวว่า การลงพื้นที่วันนี้ต้องการมาดูสภาพความเป็นจริงหลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านเรื่องการบุกรุกที่สาธารณประโยชน์ และการขุดบ่อดินของเอกชนซึ่งกลายเป็นหลุมดำยักษ์ใหญ่จำนวนมาก แม้จะเป็นที่ดินที่มีโฉนด แต่เป็นการขุดเปิดหน้าดินครอบคลุมพื้นที่บริเวณกว้าง และลึกกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยตามเจตนารมณ์ของโฉนดที่ดินที่ออกให้เพื่อต้องการให้ประชาชนได้ทำกิน ไม่ใช่มาขุดดินขาย และกฎหมายอนุญาตให้ขุดดินลึกได้ไม่เกิน 3 เมตร บนพื้นผิวไม่เกิน 10,000 ตารางเมตร
อย่างไรก็ตาม ความผิดดังกล่าวการลงโทษตามกฎหมายท้องถิ่นนั้นไม่รุนแรง เพียงแค่ปรับเท่านั้น แต่ตนจะสั่งให้นำกฎหมายว่าด้วยการฟอกเงิน มาตรา 3 (15) ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มาใช้ในการติดตามยึดทรัพย์นายทุนที่กระทำผิดต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทำให้เสียหาย และเป็นไปเพื่อการค้า กรวด หินดินทราย ซึ่งเป็นทรัพยากรธรรมชาติ และเคยนำกฎหมายนี้มาใช้ยึดทรัพย์นายทุนกระทำผิดต่อทรัพยากรธรรมชาติมาแล้ว พ.อ.สมหมาย กล่าวในตอนท้าย