ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - โคราชจ่อบุกรื้อถอนร้านอาหารบุกรุก “มอปลาย่าง” ริมเขื่อนลำตะคอง หลัง 1 ต.ค.คืนพื้นที่ให้ส่วนรวม เผยอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลผู้บุกรุกรอบเขื่อนเพื่อแก้ไขปัญหาโดยรวมทั้งหมด ระบุศาลเคยมีคำตัดสินเป็นที่สุดให้ย้ายออก แต่รัฐขับไล่ผู้บุกรุกไม่สำเร็จจนผ่านมากว่า 20 ปี ย้ำต้องจบในปีนี้ ยันใช้วิธีละมุนละม่อมก่อนบังคับใช้ กม. พร้อมหาพื้นที่ใหม่รองรับ
วันนี้ (30 ก.ย.) นายวินัย วิทยานุกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาบุกรุกที่ดินราชพัสดุเพื่อประกอบกิจการร้านอาหาร บริเวณอ่างเก็บน้ำลำตะคอง (ชุดเล็ก) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาว่า เรื่องนี้ทางกรมชลประทานได้ฟ้องร้องขับไล่ผู้บุกรุกที่ดินของรัฐบริเวณดังกล่าว ที่เรียกว่า มอปลาย่าง ริมเขื่อนอ่างเก็บน้ำลำตะคอง ข้างถนนมิตรภาพ ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา มาแล้ว โดยเมื่อปี 2546 ศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุด ให้ผู้บุกรุก จำนวน 22 ราย ออกจากพื้นที่มอปลาย่าง แต่กรมชลประทานไม่สามารถขับไล่ผู้บุกรุกออกได้ จึงคืนพื้นที่ให้กรมธนารักษ์ไปดำเนินการต่อ ซึ่งทางกรมธนารักษ์ก็พยายามแก้ไขปัญหานี้มาอย่างต่อเนื่องแต่ยังไม่สำเร็จ
จากการสำรวจล่าสุดพบว่ามีผู้บุกรุกประกอบกิจการร้านอาหารเพิ่มเป็น 51 ราย ดังนั้นเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวทางจังหวัดนครราชสีมาได้ตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาบุกรุกที่ดินราชพัสดุเพื่อประกอบกิจการร้านอาหาร บริเวณอ่างเก็บน้ำลำตะคองขึ้นมา 1 ชุด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาเป็นประธาน เพื่อแก้ไขปัญหาที่ยืดเยื้อมานานกว่า 20 ปี
โดยจากการประชุมคณะทำงานฯ ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมาได้ข้อสรุปในเบื้องต้นว่าจะต้องให้มีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างหรือร้านอาหารออกจากพื้นที่ดังกล่าวทั้งหมด ซึ่งนายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้มอบหมายให้ตนลงไปดูแลและเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งหมด
นายวินัยกล่าวอีกว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ธนารักษ์พื้นที่นครราชสีมากำลังรวบรวมข้อมูลสุดท้าย เพื่อนำมาเปรียบเทียบระหว่างคำพิพากษาของศาลเมื่อปี 2546 กับมติคณะอนุกรรมการระดับประเทศ เมื่อปี 2537-2539 ที่ให้มีการจัดสรรพื้นที่ให้บุคคล 470 รายเข้ามาอยู่ในพื้นที่โดยรอบของอ่างเก็บน้ำลำตะคอง เพื่อดูว่าจนถึงขณะนี้มีผู้เข้ามาบุกรุกพื้นที่เพิ่มจาก 470 ราย และ 22 รายที่ถูกศาลพิพากษาไปแล้วหรือไม่อย่างไร
นอกจากนี้ ต้องตรวจสอบต่อว่าสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดยรอบอ่างเก็บน้ำลำตะคองได้รับอนุญาตจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่หรือไม่ หากไม่ได้รับอนุญาตก็ต้องแจ้งให้รื้อถอนออกไป
“จากนั้นหลังวันที่ 1 ต.ค.นี้ นายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าฯ นครราชสีมา จะเรียกประชุมคณะกรรมการฯ อีกครั้ง เพื่อสรุปข้อมูลทั้งหมดก่อนดำเนินการต่อไป” นายวินัยกล่าว
นายวินัยกล่าวต่อว่า ขอยืนยันว่าการดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้จะต้องจบภายในปีนี้แน่นอน เพราะอ่างเก็บน้ำลำตะคองเป็นแหล่งน้ำสำคัญที่หล่อเลี้ยงชาวโคราช และจุดดังกล่าวยังเป็นประตูเมืองโคราช หากแหล่งน้ำสกปรก ประตูบ้านสกปรก จะไม่มีใครอยากมาเยือนเมืองนครราชสีมา ต้องยอมรับว่าการให้ผู้ประกอบการย้ายออกจากพื้นที่ต้องได้รับผลกระทบบ้าง แต่ทางจังหวัดได้เตรียมพื้นที่รองรับไว้ 2 จุด ได้แก่ บริเวณศูนย์วิจัยลำตะคอง และบริเวณพื้นที่สามเหลี่ยม ริมถนนมิตรภาพ ตรงข้ามศูนย์ฝึกสุนัขทหาร ทางไปตัวเมืองปากช่อง ซึ่งเป็นพื้นที่ทหาร ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างพิจารณาว่าพื้นที่ใดจะเหมาะสมที่สุด
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นผู้ประกอบการร้านอาหารบางส่วนก็เต็มใจที่จะย้ายออก แต่มีบ้างส่วนที่ยังขัดขืนจะอยู่ต่อ ต้องฝากบอกว่าศาลเคยมีการตัดสินคดีไปแล้วให้มีการรื้อถอน ซึ่งทางจังหวัดจะใช้วิธีละมุนละม่อมที่สุด แต่หากจำเป็นก็ต้องใช้กฎหมายบังคับ
“การดำเนินการรื้อถอนจะเริ่มที่พื้นที่กลุ่มร้านอาหารบุกรุกบริเวณมอปลาย่างก่อนเพื่อคืนพื้นที่ให้แก่ส่วนรวมได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน ส่วนการบุกรุกพื้นที่รอบเขื่อนลำตะคอง จุดอื่นๆ จะดำเนินการไปเรื่อยๆ เพื่อแก้ไขปัญหาบุกรุกพื้นที่รัฐให้เรียบร้อย” นายวินัยกล่าว