เอาจริง! ปัญหาชายหาดพัทยา หลังปล่อยหากินผิดกฎหมายมานาน

ศูนย์ข่าวศรีราชา - จังหวัดชลบุรี เอาจริง! ปัญหาชายหาดพัทยา เตรียมเรียกคืนพื้นที่ชายหาด พร้อมกำหนด 1 ราย 1 ล็อก 1 หาด เน้นสืบประวัติผู้ครอบครองเชิงลึก ห้ามการเช่าช่วง ส่งส่วย ส่วนข้าราชการ นักการเมืองห้ามเรียกรับผลประโยชน์ ไม่หวั่นแม้มีกระแสต่อต้าน ชี้เป็นพื้นที่สาธารณะ ปล่อยหากินผิดกฎหมายมานาน

วันนี้ (24 ก.ย. ) นายเชาวลิตร แสงอุทัย ปลัดจังหวัดชลบุรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดระเบียบการประกอบการร่มเตียงชายหาดเมืองพัทยา ครั้งที่ 2 ตามคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ซึ่งคณะกรรมการชุดดังกล่าวได้รวมเอาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เข้าร่วม เช่น อำเภอบางละมุง เมืองพัทยา มทบ.14 สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค ที่ดินอำเภอบางละมุง สภ.เมืองพัทยา ตำรวจท่องเที่ยว องค์กรภาคธุร กิจ และอื่นๆ

ทั้งนี้ เพื่อร่วมกันสร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อยบนพื้นที่ชายหาด ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเชิญปลัดอำเภอ 10 คน เข้าร่วมในฐานะที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคณะทำงาน ลงพื้นที่ตรวจสอบ และสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับร่มเตียงชายหาดพัทยา และชายหาดจอมเทียน

นายเชาวลิตร กล่าวว่า จากการตรวจสอบฐานข้อมูลของเมืองพัทยาตามทะเบียนที่จัดทำไว้ในปี 2551 พบว่า ชายหาดพัทยา มีผู้ประกอบการรวม 124 ราย 317 ล็อก หาดจอมเทียน มีผู้ประกอบการ 253 ราย 464 ล็อก ทั้งนี้ จากนโยบายของจังหวัดกำหนดให้มีจัดระเบียบใหม่โดยเน้นไขอคืนพื้นที่สาธารณะ เพื่อเปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ใช้พักผ่อน และทำกิจกรรมสันทนาการ

โดยให้ลดพื้นที่ประกอบการลง โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่มีกรรมสิทธิครอบครองร่มเตียงเกินกว่า 1 ล็อก ให้เหลือเพียง 1 ราย 1 ล็อก 1 หาด ซึ่งจะทำให้ชายหาดมีพื้นที่ว่างมากขึ้น โดยชายหาดพัทยา หลังจัดทำตามนโยบายจะได้พื้นที่คืนกว่า 557 เมตร ส่วนหาดจอมเทียน จะได้พื้นที่คืน 1,170 เมตร เมื่อรวมกับพื้นที่ว่างเปล่าเดิมตามนโยบายในปี 2551 จะทำให้แต่ละหาดจะมีพื้นที่ว่าง 60-70%

ด้านนายศักดิ์ชัย แตงฮ่อ นายอำเภอบางละมุง กล่าวว่า หลังมีกระแสออกไปว่าจะจัดระเบียบ ก็เริ่มมีความเคลื่อนไหวทั้งร้องขอ ร้องเรียน และให้ข้อมูลมากมาย อย่างไรก็ตาม จากนโยบายที่กำหนดไว้ คณะกรรมการจำเป็นต้องจัดระเบียบเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวสูงสุด โดยต้องใช้มาตรการที่กำหนดไว้ คือ ขอลดพื้นที่ แม้จะมีกระแสต่อต้าน หรือแรงกดดันจากผู้เสียผลประโยชน์ แต่ก็ต้องทำให้สำเร็จให้ได้ เพราะชายหาดถือเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน เป็นที่สาธารณะที่ทุกคนใช้ประโยชน์ร่วมกัน หากมีกระแสต่อต้าน หรือฝ่าฝืนก็ต้องใช้กฎหมายจัดการ ซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นยกเลิกไม่ให้ประกอบการก็เป็นได้

ขณะที่ นายรณกิจ เอกะสิงห์ รองนายกเมืองพัทยา กล่าวว่า หลังปี 2551 ที่เมืองพัทยา ได้จัดทำทะเบียน มีรายชื่อผู้ครอบครองสิทธิ และพื้นที่ประกอบการไว้อย่างชัดเจน ดังนั้น นโยบายของรัฐในการขอลดพื้นที่ก็คงต้องใช้หลักเกณฑ์ที่เมืองพัทยาจัดทำไว้เป็นหลัก กรณีที่มีผู้ประกอบการ 29 ราย มาขอถ่ายโอนเปลี่ยนรายชื่อผู้ครอบครองให้แก่ญาตินั้น ปัจจุบันยังไม่มีการดำเนินการ และคงไม่สามารถทำได้ เพราะคณะกรรมการจะใช้เกณฑ์เดิมเป็นหลัก ต้องปรับลดไปตามแผนงานที่ระบุไว้

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้หารือถึงแนวทางการปฏิบัติให้แก่ชุดทำงานพิเศษ10 ชุด ที่แต่งตั้งปลัดอำเภอเป็นหัวหน้าชุด ร่วมกับเมืองพัทยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สำรวจ สืบข้อมูลจากการสัมภาษณ์ และข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้ประกอบการแต่ละราย เช่น ประวัติผู้ครอบครอง เลขล็อก จำนวนร่มเตียง ลูกจ้าง การได้มาซึ่งสิทธิ เรื่องของการเช่าซื้อ และเรื่องของการเรียกผลประโยชน์จากบุคคลภายนอก รวมทั้งการสอบถามความคิดเห็นในกรณีของการปรับลดพื้นที่ทำกินตามนโยบายของภาครัฐ โดยให้คณะปฏิบัติงานลงสำรวจข้อมูล และพื้นที่อย่างเป็นทางการ วันที่ 25 กันยายนนี้ จากนั้นรายงานต่อคณะกรรมการชุดใหญ่เพื่อพิจารณาแนวทางจัดระเบียบที่เป็นรูปธรรมต่อไป