xs
xsm
sm
md
lg

ศุลกากรท่าเรือแหลมฉบังจับของหนีภาษีครั้งใหญ่ มูลค่ากว่า 120 ล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวศรีราชา-ศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง จับกุมสินค้าหลีกเลี่ยงอากร ข้อห้ามข้อกำกัด สินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และสินค้าที่มีการแสดงกำเนิดเป็นเท็จหลายรายการ รวมมูลค่าของกลางทั้งสิ้นกว่า 120 ล้านบาท

วันนี้ (4 ก.ย.) ที่สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ดร.สมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร พร้อมด้วย นายศักดิ์ ยศธแสนย์ ผู้อำนวยการสำนักงานศูลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมสินค้าหลีกเลี่ยงอากร ข้อห้ามข้อกำกัด สินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และสินค้าที่มีการแสดงกำเนิดเป็นเท็จ ประเภทรถจักรยานยนต์ใช้แล้ว ผงฝุ่นโลหะปนเปื้อน เลื่อยโซ่ เศษขยะอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ยากันยุง กระเบื้องปูผนัง ผ้าปูที่นอน ผ้าเช็ดตัว ธูป รองเท้า เครื่องสำอาง รวมมูลค่าของกลางทั้งสิ้นกว่า 120 ล้านบาท

การจับกุมในครั้งนี้ โดยผู้ประกอบการแสดงใบขนสินค้าขาออก จำนวน 4 ตู้ สำแดงเป็น “เศษพลาสติก” แต่เมื่อเจ้าหน้าที่นำเข้าตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์พบมีการนำเศษเหล็ก เศษอุปกรณ์คอมพิวเตอร์เก่า ปิดบังสินค้าลำโพง และดอกลำโพง จักรยานยนต์ใช้แล้ว (USED BIG BIKE) ซึ่งมีเมืองกำเนิดต่างประเทศ จำนวน 28 ลัง (69 คัน) ถือเป็นการสำแดงเท็จ หลีกเลี่ยงอากร ข้อห้ามข้อกำกัด มูลค่าของกลาง 40 ล้านบาท

นอกจากนั้น ยังมีตู้สินค้าส่งออก จำนวน 11 ตู้ ที่ผู้ประกอบการสำแดงเป็น “ผงซิลิคอน” จำนวน 1,100 BG น้ำหนัก 275,000 กก. เปิดตรวจพบเป็น “ผงโลหะปนเปื้อนสารประกอบตะกั่ว” เข้าข่ายเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ลำดับที่ 2.2 ตามบัญชีรายชื่อวัตถุอันตรายแนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ถือเป็นการสำแดงชนิด ปริมาณ พิกัด และอัตราอากรเป็นเท็จ หลีกเลี่ยงข้อห้ามข้อกำกัด มูลค่าของกลาง 34 ล้านบาท

ดร.สมชัย กล่าวต่อไปว่า นอกจากนั้นยังมีสินค้าขาเข้า สำแดงเป็น “แผ่นเหล็ก (Waste steel sheet) จำนวน 1,000 หีบห่อ น้ำหนัก 20,000 กก. เมื่อตรวจสอบด้วยเครื่องเอกซเรย์พบเป็น “เศษขยะอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์” เข้าข่ายเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ตามบัญชีรายชื่อวัตถุอันตรายแนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ถือเป็นการสำแดงเท็จ หลีกเลี่ยงข้อห้ามข้อกำกัด มูลค่าของกลาง 5 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีสินค้าขาเข้า ตรวจพบของนำเข้าเมืองกำเนิดประเทศจีน เกินจากสำแดงเป็น “ยากันยุง” Brand GOLDEER ที่มีส่วนประกอบสำคัญของสาร MEPERFLUTHIRIN 0.08% จำนวน 22,800 กล่อง น้ำหนัก 3,762 กิโลกรัม เป็นสินค้าที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง มิได้ขึ้นทะเบียนจาก อย. เข้าข่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมาย และ อย. ได้ตรวจพิสูจน์แล้วเป็นสินค้าอันตรายต่อมนุษย์ ถือเป็นการสำแดงเท็จ หลีกเลี่ยงข้อห้าม ข้อกำกัด มูลค่าของกลาง 1 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน ยังมีการขนสินค้าขาเข้า สำแดง “ผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน” เมื่อเปิดตรวจพบเป็นของตรงสำแดง แต่ที่สินค้ามีตรา/เครื่องหมายการค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา (ลิขสิทธิ์) จำนวน 6,130 Sets/Pcs ถือเป็นการสำแดงชนิดสินค้าเป็นเท็จ หลีกเลี่ยงข้อห้ามข้อกำกัด มูลค่าของกลาง 1 ล้านบาท

เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบสินค้าขาเข้า สำแดง “ธูป” เมืองกำเนิดประเทศจีน น้ำหนัก 25,380 กก. ตรวจพบชนิดสินค้าตรงตามสำแดง แต่ที่หีบห่อสำแดงชนิดสินค้า และประเทศผู้ผลิตเป็นผู้ประกอบการในประเทศไทย เป็นการสำแดงที่ทำให้ผู้บริโภคสำคัญผิดในประเทศผู้ผลิตสินค้า เป็นความผิดฐานแสดงกำเนิดเป็นเท็จ ตามพระราชบัญญัติ ห้ามนำของที่มีการแสดงกำเนิดเป็นเท็จเข้ามา พ.ศ.2481 และพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มูลค่าของกลาง 1.2 ล้านบาท

จากนั้นยังมีสินค้าขาเข้า สำแดงเป็น “กระเบื้องเซรามิกไม่เคลือบ” จำนวน 7 ตู้ รวม 5,200 CT น้ำหนัก 176,000 กก. ชำระอากร 0% (ใช้สิทธิ A.C.N) ตรวจพบเป็น “กระเบื้องเซรามิกเคลือบ” มีการใช้สติกเกอร์ติดทับผู้ผลิตที่เสียอัตราอากรทุ่มตลาดในอัตรา 4.58% ซึ่งที่ถูกต้องต้องชำระอากรในอัตรา 30% และอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาด 35.49% รวมค่าภาษีอากร ที่ขาด 1.1 ล้านบาท เป็นความผิดในฐานสำแดงเท็จ หลีกเลี่ยงอากร

ดร.สมชัย กล่าวว่า ในครั้งนี้ถือว่าเจ้าหน้าที่สามารถจับสินค้าที่ดำเนินการไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น สำแดงเป็นเลื่อยโซ่ยนต์ พร้อมแผ่นบังคับโซ่ขนาดความยาว 22 นิ้ว จำนวน 50 SET สินค้าดังกล่าวต้องได้รับอนุญาตนำเข้าจากกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรณีจึงเป็นความผิดฐานนำสินค้าต้องกำกัดเข้ามาในราชอาณาจักร โดยไม่ได้รับอนุญาต รวมมูลค่าของกลาง 7 หมื่นบาท

นอกจากนั้น ยังมีสินค้าขาออก จำนวน 20 ตู้ สำแดงเป็นของเสียประเภทโลหะ และที่มีโลหะเป็นองค์ประกอบ จำนวน 500,000 กิโลกรัม เนื่องจากสินค้าดังกล่าวต้องได้รับอนุญาตนำเข้าจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม กรณีจึงเป็นความผิดฐานนำสินค้าต้องจำกัดเข้ามาในราชอาณาจักร โดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่ปฏิบัติตามอนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้าย และการกำจัดของเสียอันตรายข้ามแดน มูลค่าของกลางรวม 20 ล้านบาท

ทั้งนี้ มีสินค้าขาเข้าที่ตรวจพบสินค้าเกินจากสำแดงเป็นรถจักรยานยนต์ใช้แล้ว จำนวน 6 คัน และส่วนประกอบ ถือเป็นการสำแดงเท็จ หลีกเลี่ยงข้อห้ามข้อกำกัด มูลค่าของกลางรวม 7 ล้านบาท มีสินค้าขาเข้า สำแดง “รองเท้า” เมืองกำเนิดประเทศจีน ตรวจพบชนิดสินค้าตรงตามสำแดง ได้ทำการตรวจสอบพบสลากระบุสถานที่ผลิตเป็นสถานที่ในประเทศไทย เป็นความผิดฐานสำแดงเมืองกำเนิดเป็นเท็จ ตามพระราชบัญญัติห้ามนำของที่มีการแสดงเมืองกำเนิดเป็นเท็จเข้ามา พ.ศ.2481 มูลค่าของกลาง 1.2 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีสินค้าขาเข้าซึ่งตรวจพบไม่ตรงสำแดงเป็น BODY CREAM, BODY LOTION, SHOWER GEL สินค้าดังกล่าวมิได้ขึ้นทะเบียนจาก อย. เข้าข่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมายถือเป็นการสำแดงเท็จ หลีกเลี่ยงข้อห้ามข้อกำกัด มูลค่าของกลาง 1 ล้านบาท มีสินค้าขาเข้า แต่ตรวจพบสินค้าประเภทผ้าเช็ดตัว 48,000 ผืน ผ้าปูที่นอน 900 ชุด ผ้าห่ม 800 ผืน ซึ่งสินค้าดังกล่าวเป็นสินค้าที่มีตรา/เครื่องหมายการค้าละเมิดทรัพย์สิน ทางปัญญา (ลิขสิทธิ์) ถือเป็นการสำแดงเท็จ หลีกเลี่ยงข้อห้ามข้อกำกัด มูลค่าของกลาง 6.5 ล้านบาท

ดร.สมชัย กล่าวว่า สำหรับสินค้าต่างๆ ข้างต้นนั้น ถือเป็นความผิดฐานสำแดงชนิดสินค้า ปริมาณ ประเภทพิกัด และอัตราอากรเป็นเท็จ หลีกเลี่ยงข้อห้ามข้อกำกัดและอากรตามมาตรา 99, 27 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 ประกอบกับมาตรา 16, 17 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ.2482 สินค้าดังกล่าวเป็นสิ่งของอันพึงต้องริบตามมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 และความผิดตามพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ.2522

ความผิดตามมาตรา 4 และ 17 แห่งพระราชบัญญัติเลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ.2545 ความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 แก้ไขเพิ่มเติมโดย (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2543 พระราชบัญญัติห้ามนำของที่มีการแสดงกำเนิดเป็นเท็จเข้ามา พ.ศ.2481 ความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ.2535 ความผิดตามมาตรา 23และ 73 แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535 และความผิดตามอนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุม การเคลื่อนย้าย และการกำจัดของเสียอันตรายข้ามแดน

การจับกุมในครั้งนี้ เป็นนโยบายของ คสช. ที่ให้กรมศุลกากรดำเนินการกวาดล้างจับกุม และเตรียมขยายผลเพื่อจับกุมถึงต้นตอในการลักลอบขนสินค้าในครั้งนี้ให้หมดไป ซึ่งมีผู้กระทำผิดหลายราย ซึ่งเป็นทั้งนิติบุคคล และหลังจากดำเนินคดีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สินค้าต่างๆ จะนำไปประมูลเพื่อหารายได้เข้ารัฐต่อไป





กำลังโหลดความคิดเห็น