เอเอฟพี/รอยเตอร์ - บริษัทยักษ์ใหญ่สัญชาติอินเดียผลิตเหล็กกล้า “ทาทา สตีล” (Tata Steel) ออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ (11 เม.ย.) ประกาศเริ่มต้นกระบวนการขายยูนิตการผลิตเหล็กยุโรป LPE ในส่วนโรงงานผลิตเหล็ก สคันธอร์ป สตีลเวิร์กส์ของอังกฤษ ให้กับบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ เกรย์บูล แคปปิตอล (Greybull Capital) ในสนนราคาแค่ 1 ปอนด์ หลังการตลาดในอังกฤษขาดทุนหนัก
เอเอฟพีรายงานเมื่อวานนี้ (11 เม.ย.) ว่า ที่ผ่านมารัฐบาลอังกฤษของนายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน หาทางอย่างหนักในการควานหาตัวผู้ซื้อธุรกิจในส่วนยุโรปของบริษัทผลิตเหล็กกล้าสัญชาติอินเดีย “ทาทา สตีล” (Tata Steel) เพื่อต้องการให้ตำแหน่งงานจำนวน 15,000 ตำแหน่งยังคงอยู่ในอังกฤษต่อไป หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทางทาทา สตีลได้ออกแถลงการณ์ช็อกโลกในเดือนที่ผ่านมา ประกาศว่าทางบริษัทต้องการจำหน่ายทรัพย์สินในอังกฤษและฝรั่งเศสออกไปทั้งหมด เนื่องมาจากทางบริษัทประสบปัญหาขาดทุนสะสมอย่างหนักจากปัญหาที่ซัปพลายผลิตภัณฑ์เหล็กในตลาดโลกมีมากเกินความต้องการของผู้บริโภค ประกอบกับผลิตภัณฑ์เหล็กนำเข้ายุโรปมีราคาถูกกว่า และรวมไปถึงทางบริษัทต้องแบกภาระต้นทุนที่สูง และมีตัวแปรค่าสกุลเงินที่แกว่งตัว
เอเอฟพีรายงานว่า รัฐมนตรีพาณิชย์อังกฤษ ซาจิด จาวิด (Sajid Javid) แถลงต่อรัฐสภาอังกฤษว่า รัฐบาลทอรีของคาเมรอนสามารถเข้าแทรกแซงวิกฤตครั้งนี้ได้ด้วยการร่วมลงทุนกับหุ้นส่วนเอกชนเพื่อทำให้ตำแหน่งงานในธุรกิจการผลิตเหล็กโรงงานของทาทา สตีลจะยังคงดำเนินการอยู่ในอังกฤษต่อไป
ในขณะเดียวกัน ทาทา สตีลออกแถลงการณ์ประกาศเริ่มต้นกระบวนการจำหน่ายยูนิตธุรกิจ Long Products Europe division หรือ LPE ในส่วนของอังกฤษแล้ว
เอเอฟพีรายงานว่า ทาทา สตีลประสบความสำเร็จสามารถทำให้บริษัทลงทุนหลักทรัพย์สัญชาติอังกฤษ เกรย์บูล แคปปิตอล (Greybull Capital) ตกลงยอมรับซื้อโรงงานผลิตเหล็ก สคันธอร์ป สตีลเวิร์กส์ (Scunthorpe steelworks) ทางตะวันออกของอังกฤษ ซึ่งเป็นหนึ่งในทรัพย์สินของยูนิต LPE และสามารถช่วยให้ 1 ใน 3 ของตำแหน่งงานทั้งหมดร่วม 15,000 ตำแหน่งยังคงอยู่ในอังกฤษต่อไป
ด้านซีอีโอทาทา สตีลประจำยุโรป ฮานส์ ฟิชเชอร์ (Hans Fischer) กล่าวถึงข้อตกลงซื้อขายยูนิตธุรกิจ LPE ในส่วนของโรงงานผลิตเหล็ก สคันธอร์ป สตีลเวิร์กส์นี้ว่า “ดีลสัญญาธุรกิจครั้งนี้เสนออนาคตสำหรับแผนกธุรกิจ LPE ที่มีคนงาน 4,400 คนในเมืองสคันธอร์ป อังกฤษ”
เอเอฟพีรายงานต่อว่า อย่างไรก็ตาม ทางทาทาสตีลระบุว่ากระบวนการขายยูนิต LPE สคันธอร์ป สตีลเวิร์กส์ คาดว่าจะสามารถเสร็จสิ้นลงได้ภายใน 8 สัปดาห์ หากข้อเสนอทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดหมายไว้
โดยหลังการขายในส่วนนี้แล้ว LPE จะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น British Steel ภายใต้ข้อเสนอสัญญาดีลซื้อขายตกลงที่ 1 ปอนด์ โดยเกรย์บูล แคปปิตอลออกแถลงการณ์ว่า จะเป็นผู้จัดการในส่วนเงินลงทุน 400 ล้านปอนด์ รวมไปถึงจัดการด้านการเงินต่างๆ ตามข้อตกลงที่ได้ระบุไว้
รอยเตอร์รายงานเพิ่มเติมว่า ตามข้อตกลงสัญญาซื้อขายกับเกรย์บูล แคปปิตอลนั้น แต่แรกเริ่มทางบริษัททาทา สตีล ได้ว่าจ้างบรรดาบริษัทที่ปรึกษาสำหรับการขายยูนิต LPE ออกไป แต่กลับกลายเป็นว่า เกรย์บูล แคปปิตอลประกาศยอมที่จะเข้าซื้อยูนิต LPE ในส่วนของโรงงานผลิตเหล็ก สคันธอร์ป สตีลเวิร์กส์ ที่มีคนงานอังกฤษในส่วนนี้จำนวน 4,400 คน
แต่อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทลงทุนหลักทรัพย์สัญชาติอังกฤษยังไม่ยอมเปิดเผยว่าจะเข้าซื้อธุรกิจยูนิต LPE ในส่วนอื่นๆ เพิ่มเติมในอนาคตหรือไม่ ซึ่งรวมไปถึงในส่วนของโรงงานผลิตเหล็ก พอร์ต ทาลบ็อต (Port Talbot) ซึ่งเป็นโรงานผลิตเหล็กใหญ่ที่สุดในอังกฤษ และมีคนงานจำนวนถึง 4,000 คนในเวลส์ ซึ่งรัฐมนตรีพาณิชย์อังกฤษ จาวิดได้ยืนยันว่า ทางรัฐบาลอังกฤษแสดงความสนใจที่จะร่วมลงทุนกับผู้ซื้อเอกชนรายอื่นเพื่อกอบกู้สถานการณ์คนงานอังกฤษของทาทา สตีล
โดยเอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาทาทา สตีลกำลังอยู่ในระหว่างการมองหาผู้ซื้อที่ต้องการเข้าซื้อทรัพย์สินทั้งหมดของบริษัทที่ตั้งในประเทศอังกฤษ ซึ่งรวมไปถึงทรัพย์สินของบริษัท เช่น โรงงานผลิตเหล็ก พอร์ต ทาลบ็อต (Port Talbot) ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในอังกฤษ และคนงานถึง 4,000 คน ตั้งอยู่ทางใต้ของชายฝั่งเวลส์(Wales)
ซึ่งยูนิต LPE ของทาทา สตีล ที่ต้องการขายออกไปประกอบไปด้วยโรงงานผลิตเหล็ก 2 โรง ท่าเรือ และแผนกออกแบบและวิศวกรรม ซึ่งทั้งหมดนี้ตั้งอยู่ในอังกฤษ และยังรวมไปถึงโรงงานผลิตเหล็ก 1 โรงทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศสที่มีคนงานอยู่ร่วม 400 คน