“พล.ต.อ.สมยศ” ว่าที่ ผบ.ตร. สั่งให้ตำรวจนครบาล และภูธร 1-9 คุมเข้มสถานทูตมะกัน และพันธมิตร รวมทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติ หลังปฏิบัติการทิ้งระเบิดโจมตีกองกำลังกลุ่มนักรบไอเอสในอิรัก หวั่นตกเป็นเป้าหมายให้กลุ่มตรงข้ามตอบโต้ได้
วันนี้ (27 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ปฏิบัติราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการทางวิทยุราชการ ศปก.ตร. ด่วนที่สุดถึง ผบช.น. ผบชภ.1-9 ผบช.ศชต. ผบช.ก. ผบช.ตชด. และ ผบช.สพฐ.ตร. โดยระบุว่า ตามที่ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ปฏิบัติการทางทหารโจมตีทางอากาศต่อรัฐอิสลาม หรือ กลุ่มไอเอส ในอิรัก และต่อมารัฐสภาอังกฤษได้มติเข้าร่วมโจมตีทางอากาศกับสหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส ซาอุดีอาระเบีย จอร์แดน บาห์เรน และอีกหลายประเทศ เพื่อให้การดูแลรักษาความปลอดภัยบุคคลและสถานที่สำคัญ รวมทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติที่อาจตกเป็นเป้าหมายในการตอบโต้จากกลุ่มไอเอส เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จึงกำชับการปฏิบัติโดยให้เพิ่มความเข้มและมาตรการเชิงรุกด้านการข่าวและการรักษาความปลอดภัยสถานทูต สถานกงสุล โรงแรม สายการบิน โบสถ์ สถานที่สำคัญทางศาสนา และสถานที่สำคัญเชิงสัญลักษณ์อื่นๆ รวมทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวกลุ่มประเทศที่อาจตกเป็นเป้าการโจมตีของกลุ่มไอเอส ทั้งนี้ ในการรักษาความปลอดภัยและสถานที่สำคัญทางการทูต ให้ประสานการปฏิบัติกับหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยบุคคลและสถานที่นั้นๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันการลอบทำร้าย หรือกระทำทุกรูปแบบ รวมทั้งให้ตั้งจุดตรวจค้น บุคคลและยานพาหนะต้องสงสัยรอบบริเวณอย่างจริงจังโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลากลางคืน
“ให้เพิ่มสายตรวจประจำจุด และสายตรวจเดินเท้า ออกตรวจตรา รักษาความปลอดภัยแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นจำนวนมาก เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นในการรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยวต่างชาติ จัดฝ่ายสืบสวนออกสืบสวนหาข่าวโรงแรม ที่พักอาศัย ร้านอาหาร และสถานที่ที่เป็นแหล่งมั่วสุมของบุคคล กลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์นิยมความรุนแรง เกี่ยวข้องหรือสนับสนุนแนวความคิดการดำเนินการของกลุ่มไอเอส และให้ ผบก.น. และผบก.ภ.จว. ทุกแห่ง เป็นหัวหน้ารับผิดชอบ เชิญหัวหน้าหน่วยงานในสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ปฏิบัติงานในพื้นที่รับผิดชอบโดยเฉพาะตำรวจสันติบาล ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจท่องเที่ยวและตำรวจรถไฟ เข้าร่วมประชุมเพื่อชี้แจงสถานการณ์และบูรณาการแผนการปฏิบัติร่วมกัน โดยให้ทุกหน่วยในพื้นที่ขึ้นการปฏิบัติกับ ผบก.น. และ ผบกภ.จว.” คำสั่งดังกล่าวระบุ
คำสั่งยังระบุด้วยว่า ให้ ผบช.ส. เป็นหัวหน้ารับผิดชอบในการเพิ่มมาตรการเชิงรุกเพื่อรักษาความปลอดภัยบุคคลและสถานที่สำคัญทางการทูต รวมทั้งบูรณาการด้านการข่าวกับหน่วยข่าวกรองทุกภาคส่วน และแจ้งข้อมูลข่าวสารบุคคล กลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์ต้องสงสัยที่ควรเฝ้าระวังติดตามพฤติการณ์ ให้ ผบช.น. ผบช.ภ.1-9 ผบช.ศชต. และ ผบช.ก. ทราบ เพื่อประสานการปฏิบัติร่วมกันอย่างใกล้ชิด และให้ บก.ทท. จัดสายตรวจรถยนต์ สายตรวจเดินเท้า และอาสาสมัครช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ร่วมรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยวในพื้นที่ท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ โรงแรมที่พักและสถานบริการที่เป็นศูนย์รวมนักท่องเที่ยวเวลากลางคืน โดยขึ้นการปฏิบัติกับหัวหน้าสถานีตำรวจที่รับผิดชอบพื้นที่ นอกจากนี้ ให้ทุกหน่วยตรวจสอบความพร้อมของหน่วยปฏิบัติการพิเศษทางยุทธวิธี ชุดตรวจพิสูจน์และเก็บกู้วัตถุระเบิด ชุดตรวจพิสูจน์ที่เกิดเหตุ เพื่อให้สามารถสนับสนุนการปฏิบัติได้โดยเร็วที่สุด ขณะเดียวกัน ให้มอบหมายรอง ผบช. ลงไปอำนวยและกำกับดูแลการปฏิบัติในพื้นที่รับผิดชอบให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และให้ ศปก. ทุกหน่วย ทุกระดับ เป็นฝ่ายอำนวยการกลาง ในการขับเคลื่อนและประสานงานกับ ตร. ผ่าน ศปก.ตร.