ศูนย์ข่าวศรีราชา - คสช.ผ่านหลักการงบอุดหนุนปี 58 ให้เมืองพัทยา 1,499 ล้าน นายกเมืองพัทยา ระบุ ภาครัฐให้ความสำคัญเมืองท่องเที่ยวหลัก เตรียมนำงบพัฒนากระตุ้นเศรษฐกิจ เน้นการส่งเสริมพัฒนาตามยุทธศาสตร์
วันนี้ (4 ก.ย.) นายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา เปิดเผยถึงกรณีการพิจารณางบประมาณอุดหนุนของเมืองพัทยาจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ประจำปี 2558 ว่า ปัจจุบันงบประมาณที่เมืองพัทยานำเสนอโดยตรงเข้าไปตามขอบเขตอำนาจของความเป็นเมืองที่มีการปกครองในรูปแบบพิเศษที่เสนอขอจัดสรรงบประมาณโดยตรงจากภาครัฐ จำนวน 2,263 ล้านบาทนั้น
หลังจากการเข้าชี้แจง และนำเสนอแผนงานทางสภานิติบัญญัติแห่งชาติ รับหลักการในวาระที่ 1 และเห็นชอบในการอนุมัติงบประมาณแก่เมืองพัทยา จำนวน 1,499 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.58 ตามแผนการกระจายรายได้สู่องค์กรปกครอบส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ
ซึ่งแม้ตามหลักการแล้ว เมืองพัทยาจะได้รับการจัดสรรประมาณ 1% ในแต่ละปีงบประมาณ แต่หากดูยอดจำนวนของงบประมาณที่ผ่านความเห็นชอบแล้วพบว่า สัดส่วนตัวเลขของงบประมาณไม่ได้ตกลงไป ทั้งนี้ เพราะภาครัฐเองก็ให้ความสำคัญสำหรับเมืองท่องเที่ยวหลักอย่างเมืองพัทยา ที่สร้างรายได้เข้าสู่ประเทศปีละเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ จากการพิจารณาอุดหนุนงบประมาณ จำนวน 1,499 ล้านบาท แก่เมืองพัทยานั้น ถือว่าเป็นงบประมาณที่ค่อนข้างสูงที่มีการปรับลดน้อย เพราะส่วนใหญ่งบที่ขอจัดสรรไปนั้นมีความจำเป็นทั้งในเรื่องของการดูลคุณภาพชีวิตของประชาชน อย่างผู้สูงอายุ หรือการสงเคราะห์ผู้ป่วย
นอกจากนี้ ยังเป็นไปตามแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจ การพัฒนาการท่องเที่ยว การพัฒนาสิ่งแวดล้อม และความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว รวมทั้งการพัฒนาระบบสาธารณูปโภค ซึ่งสอดคล้องต่อแผนในยุทธศาสตร์ของเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี และรัฐบาล ที่เน้นความโปร่งใส และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อสังคม
นายอิทธิพล กล่าวต่อไปว่า สำหรับโครงการสำคัญที่เมืองพัทยาได้รับการจัดสรรนั้น ส่วนใหญ่เป็นโครงการใหญ่ที่มีความต่อเนื่อง และจำเป็น เช่น การสนับสนุนการบริหารงานของโรงพยาบาลเมืองพัทยา การก่อสร้างท่าเทียบเรือเกาะล้าน การพัฒนาระบบความปลอดภัยทางทะเล การปรับภูมิทัศน์ชายหาด การป้องกันปัญหาการจราจร การเพิ่มประสิทธิภาพระบบบำบัดน้ำเสียเมืองพัทยา และเกาะล้าน และโครงการก่อสร้างสนามกีฬาภาคตะวันออก ระยะที่ 2 เป็นต้น
สำหรับงบประมาณอุดหนุนดังกล่าวจะมีการนำเข้าสู่สภานิติบัญญัติอีกครั้งในวาระที่ 2 พร้อมการแปรญัตติ และเสนอวาระที่ 3 เพื่อพิจารณาอนุมัติ ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้และสามารถเบิกจ่ายเพื่อนำมาพัฒนา และกระตุ้นเศรษฐกิจได้ภายในวันที่ 1 ตุลาคมนี้
