พิจิตร - ทนายความพร้อมชาวเมืองชาละวันรวมตัวร้องสื่อ หลังร้องศูนย์ดำรงธรรมแล้วไม่มีใครสนใจ ชี้โครงการอนุรักษ์บึงสีไฟ ทส.ทำพิลึกขุดบึงถมหนองเมินผลกระทบแก้มลิง-แหล่งน้ำชาวบ้าน หวั่นทำน้ำท่วมบ้านเรือนในอนาคต
นายกิจชัย บุญปู่ อายุ 42 ปี อาชีพทนายความ อยู่บ้านเลขที่ 226/14 หมู่ 3 ต.คลองคะเชนทร์ อ.เมือง จ.พิจิตร นายอำนวย ปูระโน น.ส.วรางคณา ควรจริต นายมโนภาส แซ่จัน และเพื่อนบ้านอีกกว่า 10 หลังคาเรือน เปิดเผยว่า ได้เข้าร้องทุกข์ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพิจิตร เกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากลโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำบึงสีไฟ ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)
นายกิจชัยกล่าวว่า เป็นผู้อาศัยอยู่ในหมู่บ้านสายสัมพันธ์ 4 ด้านหลังมีหนองน้ำสาธารณะ “หนองน้อย” เนื้อที่ประมาณ 13 ไร่ ชาวบ้านใช้เป็นแก้มลิงแก้ปัญหาน้ำท่วม ห่างไปประมาณ 500-600 เมตรเป็นบึงสีไฟ ที่ติดป้ายประกาศ “โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำบึงสีไฟ” ผู้ว่าจ้างคือ กรมทรัพยากรน้ำ ทส.ผู้รับจ้าง คือ หจก.วงศ์สระหลวงก่อสร้าง งบประมาณ 48,515,000 บาท สัญญาเลขที่ ทส.0601/33/2556 ลงวันที่ 23 เมษายน 2556 เริ่มสัญญา 24 เมษายน 2556 สิ้นสุดสัญญา 28 ตุลาคม 2557 มีนายฉัตรชัย เสงี่ยม วิศวกรโยธาชำนาญการ และนายอมร เสียงชอบ นายช่างโยธาปฏิบัติงาน เป็นผู้ควบคุมงานการรับจ้างก่อสร้าง ซึ่งผู้รับเหมาเพิ่งเริ่มลงมือก่อสร้างได้ประมาณ 40 วันที่ผ่านมา
ซึ่งตามสัญญาแล้วผู้รับเหมาต้องขนดินจำนวนมากไปทิ้งตามข้อกำหนด แต่ปรากฏว่ากลับนำดินที่ขุดลอกบึงสีไฟมาทิ้งในหนองน้อย ต.คลองคะเชนทร์
นายกิจชัยกล่าวว่า จากการสืบค้นข้อมูลพบว่าการนำดินจากบึงสีไฟมาถมหนองน้อยนั้นไม่สามารถทำได้ เพราะมีคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขดำที่ อ.360/2548 คดีหมายเลขแดงที่ อ.154/2552 ลงวันที่ 10 มิถุนายน 2552 กรณีการกระทำในลักษณะเดียวกันคือ การเปลี่ยนสภาพที่ดิน อันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน จากการใช้เพื่อสาธารณประโยชน์อย่างหนึ่ง เป็นการใช้เพื่อสาธารณประโยชน์อีกอย่างหนึ่ง
ซึ่งระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการเปลี่ยนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน จากการใช้เพื่อสาธารณประโยชน์อย่างหนึ่งเป็นอีกอย่างหนึ่ง พ.ศ. 2553 กำหนดแนวทางปฏิบัติว่า ผู้จะขอต้องเป็นทบวงการเมืองตามกระบวนกฎหมายที่ดิน และมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุง หรือพัฒนาไปใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ โดยให้ยื่นคำขอเป็นหนังสือต่อจังหวัด ซึ่งที่ดินตั้งอยู่พร้อมเอกสารหลักฐาน เมื่อจังหวัดได้รับคำขอแล้วต้องแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ และสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับที่ดิน และพิจารณาความเหมาะสม พร้อมทั้งผลกระทบในด้านต่างๆ และขอทราบความเห็นไปยังส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเรื่องสิ่งแวดล้อม ผังเมือง การจราจร
รวมทั้งขอทราบความเห็นไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือเขตท้องที่ และผู้มีหน้าที่ดูแล เพื่อประกอบการพิจารณา และรวบรวมความเห็นของคณะกรรมการ ความเห็นของส่วนราชการ หน่วยงาน และเอกสารที่เกี่ยวข้อง รายงานพร้อมเสนอความเห็นไปให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาอนุมัติต่อไป
“แต่ปรากฏว่าการนำดินบึงสีไฟมาถมในหนองน้อย ไม่มีการดำเนินการตามแนวทางดังกล่าว จึงได้รวมตัวกันไปร้องทุกข์ที่ศูนย์ดำรงธรรม แต่กลับไม่มีใครสนใจ จนต้องมาร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนอีกทางหนึ่ง”
นายกิจชัยกล่าวว่า จนถึงขณะนี้ผู้รับเหมาก็ยังนำดินในบึงสีไฟมาถมในหนองน้ำ โดยไม่สนใจความทุกข์ร้อนของชาวบ้าน เพราะถ้ามีการถมหนองน้อยแหล่งน้ำสาธารณะแห่งนี้อาจเกิดปัญหาน้ำท่วมตามมาได้ เพราะตอนน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ได้แหล่งน้ำแห่งนี้เป็นแก้มลิง อีกทั้งชาวนาที่อยู่รอบข้างก็ได้ใช้ประโยชน์ด้วย