ศูนย์ข่าวศรีราชา - นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทยฯ ฝากรัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมส่งออกเนื้อไก่ไทย ทั้งด้านเงินทุนที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการเงินของรัฐ และราคาอาหารสัตว์ที่พุ่งไม่หยุด เผยที่ผ่านมา ไม่เคยได้รับการเหลียวแลจากทุกรัฐบาล ทั้งที่ทำรายได้เข้าประเทศจำนวนมหาศาล
นางฉวีวรรณ คำพา ประธานกรรมการ บริษัท ฉวีวรรณฟาร์ม จำกัด ในฐานะนายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เผยว่า สิ่งที่อยากฝากไปถึงรัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็คือ ขอให้มีการกำหนดนโยบายให้ความช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการเลี้ยงไก่ไทย
หลังที่ผ่านมา ต้องแบกรับภาระค่าอาหารสัตว์ที่พุ่งสุงขึ้น เหตุจากพืชผลทางการเกษตรไม่เพียงพอต่อความต้องการ โดยเฉพาะข้าวโพด ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักจนต้องสั่งนำเข้าจากต่างประเทศ กระทบต่อต้นทุนที่พุ่งสูงตาม
แม้ที่ผ่านมา คสช.จะให้การช่วยเหลือด้วยการสั่งนำข้าวโพดจากต่างประเทศ เพื่อลดปัญหาความเดือดร้อน แต่ก็ยังไม่ใช่การแก้ไขปัญหาทั้งหมด โดยเฉพาะเงินทุนที่ใช้ในการผลิต ซึ่งไม่เคยได้รับการช่วยเหลือจากสถาบันการเงินของรัฐเท่าที่ควร แม้ที่ผ่าน จะมีการทำหนังสือถึงรัฐบาลต่างๆ เพื่อให้กำหนดนโยบายให้สถาบันการเงินของรัฐปล่อยเงินกู้มากขึ้น แต่ก็ยังไม่บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
“ที่ผ่านมา คสช.มีนโยบายร่วมกับหอการค้าจังหวัดในการหามาตรการที่จะดูแลด้านราคาพืชผลการเกษตร แต่ในภาคอุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่ ที่นำรายได้เข้าไทยปีละมหาศาลกลับไม่ได้รับการช่วยเหลือ ทำให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับปัญหาต่างๆ รอบด้าน จากนี้ไปจึงอยากให้ผู้บริหารประเทศ รับฟังเสียงสะท้อนของภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากการลงทุนเพื่อให้ในภาคการผลิต มีการเติบโตเช่นเดียวกับภาคการท่องเที่ยวที่กำลังดีขึ้นจากสถานการณ์ทางการเมืองที่สงบ”
นางฉวีวรรณ ยังเผยอีกว่า และผลจากเสถียรภาพทางการเมืองที่มั่นคง และนิ่งขึ้น ก็ทำให้ค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าขึ้นจนอยู่ในระดับ 31 บาทต่อเหรียญ โดยยังมีแนวโน้มว่าค่าเงินบาทจะแข็งค่าลากยาวไปจนถึงสิ้นปี 2557 ซึ่งผู้ประกอบการส่งออก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ส่งออกเนื้อไก่ไทยจะต้องปรับตัวเพื่อรองรับต่อผลกระทบที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า กลุ่มฉวีวรรณกรุ๊ป ได้เตรียมการรับมือกับปัญหาค่าเงินด้วยการจัดทำประกันราคาค่าเงินไว้ก่อนหน้าแล้ว แต่ในอนาคตค่าใช้จ่ายด้านการดำเนินงานพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ก็จะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน เพราะการประกันค่าเงินเป็นเพียงการประกันราคาในระยะสั้นเท่านั้น
“แม้ในช่วงครึ่งปีแรก 2557 ภาพรวมการส่งออกเนื้อไก่ไทยจะเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 8.9% จากความต้องการบริโภคเนื้อไก่จากไทยของประเทศคู่ค้าทั้งในยุโรป ญี่ปุ่น และเอเชียที่เพิ่มขึ้นเพราะเชื่อมั่นในเรื่องมาตรฐานการผลิตที่มีความปลอดภัย และราคาไม่แพง แต่ผลจากค่าเงินบาท ก็อาจทำให้คู้ค้าลดการสั่ง และหันไปซื้อเนื้อไก่ที่ถูกกว่าจากประเทศคู่แข่งแทน”
นอกจากนี้ แม้ประเทศสหรัฐอเมริกา จะประกาศนโยบายลดการสั่งซื้อสินค้าจากไทย เพื่อเรียกร้องให้ผู้บริหารประเทศคืนประชาธิปไตยให้ประชาชน แต่ก็ไม่มีผลต่อการส่งออกเนื้อไก่ของไทย เพราะประเทศคู่ค้าส่วนใหญ่อยู่ในยุโรป และญี่ปุ่น ที่ยังมีความเชื่อมั่นสถานการณ์ทางการเมืองของไทย
“แต่ปัญหาที่อาจทำให้การส่งออกเนื้อไก่นับจากไตรมาส 3 เป็นต้นไปได้รับผลกระทบ ก็คือ ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นซึ่งจะทำให้ผู้ส่งออกเนื้อไก่มียอดการสั่งซื้อลดลง ส่วนแผนการผลิตก็ยังต้องยึดราคาตามคำสั่งซื้อตามข้อตกลงที่ทำไว้ก่อนหน้า” นางฉวีวรรณ กล่าว