พิจิตร - ผู้ว่าฯ พิจิตร จับมือทหารแจกสิ่งของหน่วยแพทย์เคลื่อนที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างพิจิตรเมืองยิ้ม ระบุหน่วยงานใดไม่ให้ความร่วมมือจัดกิจกรรมเตรียมถูก “อัปเปหิ”ไปอยู่จังหวัดอื่น
วันนี้ (21 ส.ค.) นายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร พร้อม พ.อ.ดุษิต ปุระเสาร์ รองผู้บังคับการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยประจำพื้นที่จังหวัดพิจิตร และนายชนก มากพันธุ์ นายอำเภอสากเหล็ก นายพิศ วิริยะอารีธรรม รองประธานสภา อบจ.พิจิตร พร้อมหัวหน้าส่วนราชการทุกภาคส่วน ได้ร่วมกันลงพื้นที่จัดหน่วยบริการออกให้บริการแก่ประชาชนที่วัดท่าเยี่ยม ต.ท่าเยี่ยม อ.สากเหล็ก จ.พิจิตร ซึ่งนายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ได้กล่าวถึงการจัดกิจกรรมคืนความสุขให้กับประชาชนในโครงการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างพิจิตรเมืองยิ้ม โดยจัดร่วมกับทหาร โดยในรอบ 1 ปี จะจัดทุกเดือน เวียนไปตามอำเภอต่างๆของพิจิตร ซึ่งมี 12 อำเภอเพื่อให้ชาวบ้านได้มาใช้บริการรวมถึงรับฟังเรื่องราวร้องทุกข์แก้ไขปัญหาในทุกเรื่อง
แต่ปรากฏว่า ก็มีหัวหน้าส่วนราชการและบางหน่วยงานไม่สนใจให้ความสำคัญไม่มาร่วมงาน ซึ่งขณะนี้เหลืออีกเพียง 1 ครั้งก็จะสิ้นปีงบประมาณจึงได้สั่งให้ฝ่ายปกครองทำการสำรวจว่า ถ้าหน้าส่วนราชการคนใดรวมถึงหน่วยงานถ้าขาดการมาร่วมกิจกรรมเกิน 3 ครั้งในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา หลังสิ้นเดือนกันยายนนี้ก็จะทำพิธีอัปเปหิ ในที่ประชุมประจำเดือนที่ศาลากลางจังหวัดพิจิตร โดยจะเอาชื่อและหน่วยงานมาแฉในที่ประชุมให้หัวหน้าส่วนราชการ นายก อบจ. นายก อบต. ผู้บริหารสถานศึกษาและทุกกระทรวงทบวงกรม ให้ได้รับทราบเพื่อจะขอฉันทามติทำพิธีอัปเปหิ คือเชิญให้ออกไปอยู่จังหวัดอื่นเพราะถือว่าไม่ใส่ใจดูแลประชาชนชาวพิจิตร โดยจะทำเรื่องส่งถึงหัวหน้าคณะ คสช. ให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาด
ในส่วนของการจัดกิจกรรมในวันนี้มีการรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนต่างๆ รวมถึงได้มอบทุนการศึกษาและกระเป๋านักเรียน นำถุงยังชีพมอบให้แก่ชาวบ้านผู้ยากไร้ นอกจากนี้ผู้ว่าฯและคณะยังได้เยี่ยมชมบู๊ทต่างๆที่ทางส่วนราชการได้นำออกมาจัดให้บริการแก่ประชาชนที่มีมากมาย
อาทิ การให้บริการตรวจสุขภาพและการทำหมัน ของสุนัขและแมว การผสมเทียมโคจาก สนง.ปศุสัตว์พิจิตร รวมถึงการฝึกสอนอาชีพอิสระต่างๆ นอกจากนี้จังหวัดทหารบกเพชรบูรณ์ยังได้นำวงดนตรีลูกทุ่งวงใหญ่มาทำการแสดงบรรเลงขับกล่อมสร้างความสุขเติมรอยยิ้มให้กับประชาชนในพื้นที่อีกด้วย
นอกจากนี้นายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ยังได้กล่าวเน้นย้ำกับประชาชนว่าในฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวในปีนี้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าจะไม่มีโครงการรับจำนำ ดังนั้นชาวนาพิจิตรต้องช่วยกันลดรายจ่ายในการทำนาไม่ว่าจะเป็นการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวหรือการใช้สารชีวภาพเพื่อเร่งการเจริญเติบโตของต้นข้าวก็จะต้องทำเองใช้เอง
ส่วนทางราชการก็ได้ประสานไปยังชมรมรถไถนา รถเกี่ยวข้าวว่าขอให้ลดค่าบริการลงรวมถึงชี้เส้นทางอนาคตข้าวว่าการปลูกข้าวที่ตลาดโลกรับซื้ออยู่ทุกวันนี้ คือ ข้าวที่ปลูกไว้กิน และมีรสชาติหอมอร่อย เช่น ข้าวหอมมะลิและข้าวที่ปลูกไว้กินที่มีคุณค่าทางอาหารและเป็นยาเช่นข้าวหอมนิล ข้าวไรซ์เบอรี่ ซึ่งกลุ่มผู้ซื้อผู้บริโภคก็แตกต่างกันโดยปัจจุบันตลาดคู่แข่งของเราคือ เวียดนาม เก่งแค่เพียงปลูกข้าวไว้เพื่อคนกินแบบธรรมดา
ส่วนข้าวแบบอื่นๆประเทศไทยยังมีความสามารถนำคู่แข่ง ดังนั้นจึงต้องควรใช้โอกาสนี้ผลิตข้าวของดีไร้สารพิษลดต้นทุนให้จงได้ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงถ้าชาวนาทำเช่นนี้ได้จริงก็จะเป็นการสร้างรายได้อย่างยั่งยืนดีกว่ามีโครงการรับจำนำข้าวรายได้สูง รายจ่ายก็สูงหักลบกลบหนี้แล้วก็ไม่เหลือกินเหลือใช้นั่นเอง