ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- ครบรอบ 21 ปี รร.รอยัลพลาซ่าโคราชาถล่ม สังเวย 137 ศพ บรรดาผู้บาดเจ็บและญาติผู้เสียชีวิตร่วมทำบุญอุทิศส่วนกุศล และรำลึกโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ขณะเหยื่อบาดเจ็บระบุเวลาผ่านไปนานแต่ภาพเหตุการณ์ยังจดจำฝังใจ ชี้เหตุล่าสุดตึกถล่มปทุมธานีตายหลายรายสุดสลดใจ ระบุเป็นความเห็นแก่ตัวแก่ได้ของคนทำให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำซาก ถึงเวลาทุกฝ่ายสร้างจิตสำนึกรับผิดชอบ
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (13 ส.ค.) ที่วัดพระนารายณ์มหาราชวรวิหาร พระอารามหลวง เขตเทศบาลนครนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา กลุ่มข้าราชการครู ประชาชนผู้รอดชีวิต พร้อมญาติพี่น้องครอบครัวของผู้เสียชีวิต จากเหตุการณ์อาคารโรงแรมรอยัลพลาซ่า ตั้งอยู่ถนนจอมสุรางค์ยาตร์ กลางเมืองนครราชสีมา พังถล่มเมื่อวันศุกร์ที่ 13 ส.ค. 2536 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึง 137 ราย บาดเจ็บเป็นจำนวนมาก และมีผู้รอดชีวิตกว่า 150 คน ได้ร่วมกันทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิตและถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ เนื่องในโอกาสครบรอบ 21 ปีของโศกนาฏกรรมดังกล่าว
พร้อมกันนี้ได้ร่วมกันบริจาคเงินเพื่อมอบเป็นทุนการศึกษาและช่วยเหลือด้านการศึกษาแก่สถาบันการศึกษาและนักเรียนที่เรียนดีแต่ยากจน เพื่อส่งวิญญาณผู้ล่วงลับให้ไปสู่สุคติ และรำลึกถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้นด้วย
โดยมีนายทองขาว โคตรโยธา อดีตผู้อำนวยการสามัญศึกษาจังหวัดนครราชสีมา และ นายชวลิต ตัณฑเศรณีวัฒน์ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย ซึ่งเป็นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์โรงแรมรอยัลพลาซ่าถล่ม และติดอยู่ใต้ซากตึกถูกคานปูนทับขาทั้งสองข้างรอดชีวิตออกมาได้ แต่ต้องถูกตัดขาทั้งสองข้างกลายเป็นผู้พิการตลอดชีวิต เป็นตัวแทนในการทำบุญอุทิศส่วนกุศลและมอบทุนการศึกษา ร่วมกับญาติพี่น้องผู้สูญเสียที่มาร่วมงานกว่า 70 คน
นายรังสฤษฏ์ ศรีวิชัย อายุ 67 ปี อดีตผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครราชสีมา เขต 4 กล่าวว่า ยังคงจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้เป็นอย่างดี ขณะที่ตนและเพื่อนข้าราชการครูเดินทางไปร่วมงานอบรมสัมมนา อยู่ห้องประชุมชั้น 2 โรงแรมรอยัลพลาซ่า โดยช่วงที่กำลังหยุดพักการสัมมนาและดื่มกาแฟอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้าห้องประชุม ได้ยินเสียงดังก่อนมีฝุ่นฟุ้งกระจายเต็มไปหมด
ตนตกใจมากจึงกระโดดออกมาทางบันได ทันใดนั้นตึกก็ถล่มลงมาทับทำให้กระดูกสันหลังแตก 2 ท่อน และติดอยู่ในซากตึกนานกว่า 7 ชั่วโมง จึงมีทหารและหน่วยกู้ภัยมาช่วยออกจากซากตึก ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้สภาพจิตใจและร่างกายย่ำแย่มาก และคิดว่าเหตุการณ์วันนั้นตัวเองจะไม่รอดชีวิตออกมาได้ และไม่กล้าเข้าไปในอาคารสูงอยู่หลายปี
“แม้เวลาผ่านมาถึง 21 ปีแล้ว แต่เมื่อล่าสุดมีข่าวตึกถล่มเสียชีวิตหลายรายที่ จ.ปทุมธานี ความรู้สึกสลดใจกลับมาอีกครั้ง และไม่อยากดูข่าวนี้เลยเพราะรับรู้ถึงความรู้สึกของผู้ที่อยู่ใต้ซากตึกได้เป็นอย่างดี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพราะความเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ของคน และทำให้เกิดขึ้นซ้ำซาก” นายรังสฤษฏ์กล่าว
ด้าน นายลัดทา ชนะภัย อายุ 59 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนบุญวัฒนา อ.เมือง จ.นครราชสีมา หนึ่งในผู้อยู่ในเหตุการณ์ กล่าวว่า เหตุการณ์ในวันนั้นทำให้บุคลากรครูเสียชีวิตไปถึง 47 คน ผู้รอดชีวิตส่วนใหญ่ขณะนี้เกษียณอายุราชการไปแล้ว เชื่อว่าทุกคนจดจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้เป็นอย่างดี และมาถึงวันนี้ได้ข่าวตึกถล่มอีกที่ จ.ปทุมธานี ถือว่าเป็นระดับคุณภาพของสังคมไทย โดยเริ่มตั้งแต่ผู้ประกอบการมีจรรยาบรรณในวิชาชีพหรือไม่ ซึ่งต้องมีคุณธรรมเคารพหลักการ และต้องซื่อสัตย์ซื่อตรง
“จึงอยากฝากว่า เหตุการณ์ตึกถล่มนี้ทุกฝ่ายจะต้องมีความรับผิดชอบ มีจิตสำนึก ซึ่งต้องปลูกฝังกันตั้งแต่เด็ก ทุกฝ่ายรับผิดชอบต่อกัน ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจะมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก ฉะนั้นทุกฝ่ายในประเทศไทยต้องทบทวนตัวเองมากพอสมควร” นายลัดทา
อนึ่ง เหตุการณ์โรงแรมรอยัลพลาซ่า อ.เมือง จ.นครราชสีมา พังถล่มนั้นเกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 13 สิงหาคม 2536 นับเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่สุดของ จ.นครราชสีมาและประเทศไทย ในช่วงเกิดเหตุมีผู้มาใช้บริการส่วนใหญ่เป็นข้าราชการครู กรมสามัญศึกษาที่จัดประชุมสัมมนาอยู่ในโรงแรม รวมทั้งพนักงานของโรงแรม เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 137 ราย บาดเจ็บกว่า 227 ราย
แม้เวลาผ่านไปนานถึง 21 ปี และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลายรายถูกดำเนินคดีศาลพิพากษาลงโทษไปหมดแล้ว แต่เหตุการณ์สะเทือนขวัญนี้ยังคงอยู่ในความทรงจำที่แสนเจ็บปวดของชาวโคราชและคนไทยตลอดมา โดยเฉพาะครอบครัว ญาติของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ และวันนี้ผืนดินที่เคยฝังร่างของเหยื่อตึกถล่มยังถูกทิ้งร้างและปิดตายต่อเนื่องมาตลอด 21 ปีเช่นกัน