ระยอง - ชาวบ้านโวยนายทุนอิทธิพล นักการเมืองท้องถิ่น และคนมีสี โค่นป่าต้นน้ำของชาวระยอง เผยบุกรุกมานานนับ10 ปี ป่าไม้ถูกทำลายกว่า 1 หมื่นไร่ แจ้งความ 3 โรงพัก แต่ไม่เคยทราบความคืบหน้าคดี
วันนี้ (7 ส.ค.) ชาวบ้านร้องเรียนว่า มีกลุ่มนายทุน ทั้งนักการเมืองท้องถิ่นบางคน กลุ่มอิทธิพล คนในเครื่องแบบสีกากีบางคน รวมทั้งชาวบ้าน ลักลอบแผ้วถางป่าไม้ โดยใช้ยาไกรโครเซตผสมน้ำมันโซลาร์ทาโคนต้นไม้ ทำให้ต้นไม้ใหญ่ เช่น กระถินยักษ์ ต้นสมพงษ์ และต้นอินทรีย์ ซึ่งเป็นไม้เนื้ออ่อนยืนต้นตายจำนวนมาก หลังตัดโค่นก็ปลูกมะละกอ และกล้วยน้ำว้าเก็บเกี่ยวรายได้ไปพลาง ขณะรอต้นยางพาราเติบโต
โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าต้นน้ำที่อุดมสมบูรณ์ และสำคัญ ของ จ.ระยอง อยู่ในความรับผิดชอบของสวนป่าชะแวะ-ตาสิทธิ์-วังไทร อ.บ้านค่าย สังกัดองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ซึ่งมีพื้นที่ติดต่อกับพื้นที่ของนิคมสหกรณ์ชะแวะ อ.วังจันทร์ เชื่อมต่อเทือกเขางวงช้าง เขาหน้ายักษ์ โดยอยู่ในหมู่ 10, 11 และ 12 ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย ซึ่งถูกบุกรุกกว่า 1,000 ไร่
ทั้งนี้ ป่าต้นน้ำที่อุดมสมบูรณ์แห่งนี้อยู่ในความรับผิดชอบนิคมสหกรณ์ชะแวะ อ.วังจันทร์ สวนป่าชะแวะ-ตาสิทธิ์-วังไทร องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ถูกบุกรุกอย่างเป็นขบวนการต่อเนื่องมานานนับ 10 ปี ทำให้ป่าหมดสภาพกลายเป็นเสวนยางพารา มะละกอ และกล้วยน้ำว้า จึงขอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบอย่างจริงจัง
วันเดียวกัน นายฉลาด สุธาน๊ะ หัวหน้าสวนป่าชะแวะ-ตาสิทธิ์-วังไทร อ.บ้านค่าย สังกัดองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ พร้อมด้วย นายสายันห์ สังข์ศิริ เจ้าพนักงานส่งเสริมสหกรณ์อาวุโส นิคมสหกรณ์ชะแวะ อ.วังจันทร์ นายปราโมทย์ สืบเสนาะ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 ต.บางบุตร เจ้าหน้าที่ กอ.รมน. ระยอง และเจ้าหน้าที่สวนป่า เดินทางเข้าไปตรวจสอบ พบต้นไม้เหี่ยวแห้งยืนต้นตายจำนวนมาก เนื่องจากถูกทาด้วยยาไกรโครเซตผสมน้ำมันโซลาร์ เพียงระยะเวลา 1 เดือน นอกจากนี้ ยังพบมีการบุกรุกขึ้นไปเกือบถึงยอดเขา
นายฉลาด กล่าวว่า เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา ตนพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่นิคมสหกรณ์ชะแวะ และผู้ใหญ่บ้าน เข้าตรวจสอบพื้นที่สวนป่าหมู่ 10 และหมู่ 12 ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย พร้อมจับพิกัดพบว่า มีการบุกรุกเพิ่มอีก 131 ไร่เศษ แต่เนื่องจากไม่มีอำนาจจับกุม จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่นิคมสหกรณ์ชะแวะ รวบรวมเอกสารเข้าแจ้งความที่ สภ.บ้านค่าย
สำหรับแนวทางในการแก้ไข ต้องให้ผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดับสูงจากส่วนกลาง ส่งกำลังเข้ามาจับกุม โดยไม่ต้องให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ซึ่งมีกำลังน้อยไปปะทะกับขบวนการ หรือผู้นำชุมชนในท้องถิ่น คือ ให้ส่งกำลังจากส่วนกลางดำเนินการอย่างจริงจัง
นายสายันห์ สังข์ศิริ เจ้าพนักงานส่งเสริมสหกรณ์อาวุโส นิคมสหกรณ์ชะแวะ อ.วังจันทร์ กล่าวว่า พื้นที่ป่าต้นน้ำแห่งนี้ ทางนิคมสหกรณ์ ได้รับมอบจากกรมป่าไม้ เดิมเป็นป่าสงวนแห่งชาติ แต่ได้เพิกถอนสภาพเพื่อนำพื้นที่มาจัดสรรให้แก่ประชาชนที่เป็นสมาชิก โดยแบ่งพื้นที่ให้เป็นพื้นที่ป่าไม้ส่วนกลาง (ป่า 20 %) และเป็นป่าที่มีต้นไม้ใหญ่อุดมสมบูรณ์ และเป็นป่าต้นน้ำชั้น A ที่สำคัญของ จ.ระยอง มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 62,000 ไร่เศษ ครอบคลุมเขาทั้ง 15 ลูก เช่น เขาขุนอินทร์ เขาพนมศาสตร์ เขาหน้ายักษ์ เขางวงช้าง เขาอุรัง เขาลอย 1-2 เขาหินแท่น 1-2 เขาหวาย เขาสิงห์โต เขาไม้นวล 1-2 เขาตะพง เขากวงไจ้ และเขาเมโทร ใน 5 อำเภอ คือ อ.วังจันทร์ อ.บ้านค่าย อ.เมือง อ.ปลวกแดง อ.แกลง ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมฯ 2539
แต่มีการบุกรุกอย่างต่อเนื่องมานาน และพบว่า ในช่วงที่รัฐบาลในอดีตมีนโยบายส่งเสริมการปลูกยางพารา ทำให้มีการบุกรุกป่าต้นน้ำจำนวนมาก ประกอบกับกำลังเจ้าหน้าที่มีน้อย โดยจากการตรวจสอบล่าสุด พบมีพื้นที่ถูกบุกรุกกว่า 10,000 ไร่ มากที่สุด คือ บริเวณเขาพนมศาสตร์ อ.วังจันทร์ ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 1.8-1.9 หมื่นไร่
ปัจจุบัน มีการบุกรุกขึ้นไปบนยอดเขา ปลูกยางพาราเต็มไปหมด ทำให้ผืนป่าเหลืออยู่เพียง 1,000 กว่าไร่เท่านั้น ที่ผ่านมา ได้มีการแจ้งความไว้ที่ สภ.วังจันทร์ สภ.หนองกรับ และ สภ.บ้านค่าย แต่ไม่ทราบว่าคดีมีความคืบหน้าไปถึงไหน เพราะทางนิคมสหกรณ์ชะแวะ ไม่ได้รับการแจ้งกลับมาเรื่องคดีแต่อย่างใด