ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ประธานหอการค้าไทยเปิดสัมมนาเสริมเขี้ยวเล็บ SMEs อีสานรับ AEC ที่โคราช เผย คสช.เข้ายึดอำนาจทำเศรษฐกิจดีขึ้น SMEs เริ่มโงหัว คาดครึ่งปีหลังโต 4-5% เหตุมีการลงทุนเพิ่ม พร้อมหนุนเมกะโปรเจกต์ของรัฐเต็มที่ ระบุหลัง คสช. เร่งรัดการจ่ายเงินจำนำข้าวส่งผลดีต่อธุรกิจ SMEs อย่างมาก ทำให้เงินหมุนเวียนอีก 2-3 เท่า
เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (30 ก.ค.) ที่ห้องสุรนารีแกรนด์บอลรูม โรงแรมสีมาธานี อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เป็นประธานเปิดงานสัมมนาโครงการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ SMEs “SMEs…วิธีทำเงิน” ที่หอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคอีสานตอนล่าง 1 (นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์) จัดขึ้น โดยได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในจังหวัดนครราชสีมาและใกล้เคียงเข้าร่วมกว่า 500 คน
ภายในงานมีการบรรยายเรื่อง “ฝ่าวิกฤติสู่ความรุ่งโรจน์จากรุ่นสู่รุ่น และ ทิศทางเศรษฐกิจไทย ทางรอด SMEs อีสาน” โดย ผศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ทั้งนี้เพื่อให้ความรู้และสร้างความเข้าใจในการจัดทำแผนธุรกิจ การยื่นขอสินเชื่อเป็นทุนในการดำเนินกิจการ เพื่อเป็นการเสริมเขี้ยวเล็บให้ผู้ประกอบการให้สามารถแข่งขันได้ รวมถึงเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558
นายอิสระกล่าวว่า SMEs ของไทยเราหากเทียบกับประเทศอื่นในอาเซียนถือว่าเราแข็งแรงที่สุด แต่เราต้องพัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อยๆ ฉะนั้นคงเป็นภาระขององค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น หอการค้าไทย, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, สมาคมธนาคารและองค์กรที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ต้องช่วยกันพัฒนาสมาชิกของตัวเองที่เป็น SMEs ให้มีศักยภาพสูง และองค์กรของรัฐก็ต้องเข้ามาสนับสนุนให้สอดรับกันเพื่อให้ SMEs มีความแข็งแกร่งมากขึ้น
ต่อข้อถามหลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ายึดอำนาจปกครองประเทศมานานกว่า 2 เดือน ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจไทยอย่างไรบ้าง นายอิสระกล่าวว่า สถานการณ์บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อยดีส่งผลให้การค้าดีตามมาด้วย เนื่องจากเรารู้ทิศทางที่ชัดเจนขึ้น ธุรกิจตอนนี้มีเสถียรภาพมากขึ้น โดยสังเกตได้จากการจับจ่ายใช้สอยที่เพิ่มขึ้น การเติบโตของเศรษฐกิจในเดือนที่ผ่านมา 3-4% อยู่ในช่วงขาขึ้น
แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจครึ่งปีหลังนี้น่าจะอยู่ในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะในไตรมาสสุดท้ายอาจจะเติบโตถึง 4-5% ได้ เพราะช่วงนี้มีการลงทุนเพิ่มขึ้น ทั้งเรื่องใบอนุญาตโรงงาน การส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ ได้รับการดูแลใกล้ชิด ซึ่งพวกเราในฐานะภาคเอกชนได้ให้ข้อคิดกับทาง คสช.ไปแล้วและได้รับการตอบรับดีพอสมควร
นายอิสระกล่าวอีกว่า การที่ทาง คสช.อนุมัติวงเงินออกมามีผลต่อระบบเศรษฐกิจมาก เช่น อนุมัติวงเงินจ่ายโครงการจำนำข้าวมีผลมากต่อ SMEs เพราะเงินเป็นแสนล้านจะหมุนเวียนอีก 2-3 เท่า และเงินงบประมาณปี 2557 ที่ออกมาแล้วจะช่วยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะโครงการลงทุนต่างๆ ที่รออยู่และกำลังออกมา จะทำให้เงินมีการกระจายหมุนเวียนในระบบ
“การทำงานของ คสช.ที่ผ่านมานั้นทุกคนให้คะแนน 8.8 แสดงว่าทุกคนเห็นว่าช่วงนี้เป็นสิ่งที่ดีรวมถึงภาคเอกชนด้วย และเรายังสนับสนุนเมกะโปรเจกต์ของรัฐที่ทยอยออกมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะโครงการรถไฟรางคู่ แต่อาจต้องมาพิจารณาถึงความคุ้มทุนว่าช่วงสายไหนที่ทำได้แล้วคุ้มทุนมากที่สุด เช่น สายขอนแก่น-นครราชสีมา-กรุงเทพฯ อาจเป็นเส้นหลักที่ทำได้ก่อนเส้นทางอื่น ซึ่งเราเห็นด้วยเพราะอันนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำมานานแล้ว” นายอิสระกล่าวในตอนท้าย