พะเยา - สำนักอนุรักษ์ที่ 15 (เชียงราย) สั่งตั้ง 8 ชุดเฉพาะกิจ ลุยปราบขบวนการค้าไม้ชิงชันพะเยา-เชียงราย หลังพบสถิติแก๊งไม้เถื่อนลอบตัดส่งขายจีนเพิ่ม 90%
วันนี้ (9 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายบันทม สมสุวรรณ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูซาง จ.พะเยา เปิดเผยในที่ประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแห่งชาติภูซางว่า ระยะนี้สถานการณ์ลักลอบตัดไม้ชิงชันในพื้นที่ภาคเหนือมีความรุนแรง สังเกตได้จากการจับกุมของเจ้าหน้าที่รัฐ ยึดของกลางเป็นไม้ชิงชันแปรรูปเหลี่ยม ขนาด 8x8 นิ้ว ขนาดความยาวประมาณ 1.20-2 เมตร ได้ครั้งละไม่ต่ำกว่า 1-2 ลบ.ม.
และจากสถิติการจับกุมคดีไม้ชิงชันที่ได้รับแจ้งจากส่วนกลาง พบว่าคดีไม้ชิงชันสูงขึ้นจากเดิมถึง 2 เท่า ซึ่งหากจำแนกคดีจับไม้หวงห้ามทั้งหมดทั่วประเทศออกมา จะเห็นว่าคดีไม้ชิงชันไม่น้อยกว่าร้อยละ 90
หน.อุทยานแห่งชาติภูซางกล่าวต่อว่า การลักลอบตัดไม้ชิงชันที่รุนแรง เนื่องมาจากไม้พะยูงที่ถูกลักลอบตัดในพื้นที่ภาคอีสานเริ่มมีจำนวนเหลือน้อยลง ขณะที่กลุ่มลูกค้าก็หันมาสั่งซื้อไม้ชิงชัน ซึ่งเป็นไม้เนื้อแข็งที่มีคุณสมบัติไม่แตกต่างกันแทน ล่าสุดสืบทราบว่ามีการซื้อขายกันในต้นทาง กก.ละ 200 บาท เพื่อส่งออกไปประเทศจีน ที่ต้องการไม้ชิงชันไปทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ประดับหรือใช้ในครอบครัว
เมื่อลูกค้าจากประเทศจีนมีความต้องการสูง ส่งผลให้ไม้ชิงชันพื้นที่ประเทศไทย โดยเฉพาะในภาคเหนือ ถูกลักลอบตัดกันจำนวนมากขึ้นจนน่าเป็นห่วง เพราะอายุของไม้ชิงชันต้นหนึ่งจะต้องใช้เวลาเติบโตถึงขนาดที่จะใช้งานได้ไม่น้อยกว่า 20 ปี
นายบันทมกล่าวต่อว่า จากสถานการณ์ดังกล่าว ทางสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 (เชียงราย) มีคำสั่งที่ 89/2557 เรื่อง จัดตั้งชุดเฉพาะกิจปราบปรามไม้ชิงชันขึ้น จำนวน 8 ชุด แต่ละชุดมีเจ้าหน้าที่ไม่ต่ำกว่า 15 นาย เพื่อปฏิบัติการออกกวาดล้างและจับกุมผู้เกี่ยวข้องและผู้กระทำผิดเกี่ยวกับไม้ชิงชันในพื้นที่จังหวัดพะเยา และจังหวัดเชียงราย หากพื้นที่ใดมีเบาะแสสามารถแจ้งชุด ฉก.ที่อยู่ใกล้พื้นที่ออกปฏิบัติการได้ทันที
ด้านนายสุสิทย์ สุริยะวงค์ นายอำเภอภูกามยาว, พ.ต.วสันต์ วังกรานต์ หน.นทล. จทบ.พะเยา พร้อมเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ตำรวจ ตชด. ทหาร ฝ่ายปกครอง ส.ป.ก. ร่วมกันทำการยึดผืนป่าจำนวน 10 ไร่ บริเวณป่าด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ บ้านกาดถี หมู่ 15 ต.ห้วยแก้ว อ.ภูกามยาว จ.พะเยา ซึ่งเป็นป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติแม่ร่องป๋อ-ป่าห้วยแก้ว และป่าแม่อิงฝั่งซ้าย หลังจากที่ถูกกลุ่มนายทุนและชาวบ้านทำการแผ้วถางบุกรุกป่าเพื่อครอบครองเป็นเจ้าของ
โดยได้บันทึกมอบให้พนักงานสอบสวน สภ.ภูกามยาว ไว้เป็นหลักฐานเพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมาย พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติฯ และ พ.ร.บ.ป่าไม้ ต่อไป