แกะรอย "แม่ชีเชอรี่" ตอนที่ 1
ศูนย์ข่าวภูมิภาค - กระชากหน้ากากอันแท้จริงของ "แม่ชีเชอรี่" หลังทำตัวหรูหราใช้สินค้าแบรนด์เนมราคา ขับรถหรูโชว์ลูกศิษย์ อ้างจบจากต่างประเทศ "สหรัฐอเมริกา" มีเงินกว่า 100 ล้าน แท้ที่จริงในชีวิตประสมความล้มเหลวมาตลอด การศึกษาระดับ ม.6 ก็แทบไม่จบ แถมยังเป็นคนก้าวร้าว ไม่มีความซื่อสัตย์ จนญาติเบื่อหน่ายนำมาฝากวัดหวังให้อบรมนิสัย แต่กลับผันตัวเป็นใหญ่ เพราะเจ้าอาวาสวัดไว้วางใจจนเกินเหตุ คุมเงินวัดเบ็ดเสร็จ จนศิษย์เก่า พระ เณร กระเจิงออกจากวัด ชาวบ้านเรียก "คุณนายแม่ชีเชอรี่"
เกิดเรื่องราวเขย่าวงการศาสนาอีกครั้ง สำหรับกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กซึ่งได้มีการแชร์ภาพถึงพฤติกรรมของแม่ชีเชอรี่ หรือนางสาวสุปริญญา ฮุนนางกุล
วัดถ้ำขวัญเมือง ต.นาโพธิ์ อ.สวี จ.ชุมพร ที่ขับรถปอร์เช่ราคาหลายล้านและใช้กระเป๋าข้าวของเครื่องประดับยี่ห้อแบรนด์เนมราคาสุดแพง พร้อมถ่ายภาพคู่กับกองเงินจำนวนมากว่าเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งครั้งหนึ่งวัดถ้ำขวัญเมือง ต.นาโพธิ์ อ.สวี จ.ชุมพร เป็นวัดที่ประชาชนในพื้นที่ให้ความเคารพศรัทธา จนบัดนี้ได้เป็นเรื่องทอล์กออฟเดอะทาวน์ ในโลกออนไลน์และประชาชนทั่วไปอย่างกว้างขวาง
ทีมข่าวเฉพาะกิจ ASTVผู้จัดการ จึงได้ลงพื้นที่ จ.ชุมพร คุ้ยหาความจริงมาเป็นคำตอบต่อสังคม จากการลงพื้นที่ตรวจสอบที่วัดพบว่าบรรยากาศภายในวัดมีลักษณะเจริญโอ่อ่าอย่างสูง มีอาคารสำนักปฏิบัติธรรมถึง 4 หลัง สูง 4-5 ชั้น มีพระอุโบสถหินอ่อน 1 หลัง พร้อมกุฏิพระสงฆ์ประมาณ 40 หลัง มีโรงครัว 1 หลัง อยู่บนพื้นที่ประมาณ 60-70 ไร่ ท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่น เงียบสงบ มีพระครูสุธรรมวีราจารย์ (พระอาจารย์สมใจ) เป็นเจ้าอาวาส
สำหรับวัดถ้ำขวัญเมือง ตั้งอยู่เลขที่ 130/2 หมู่ 4 ต.นาโพธิ์ อ.สวี จ.ชุมพร เป็นวัดสังกัดคณะธรรมยุต ภาค 16 ตามทะเบียนเลขที่ 1,173
**รุ่นพี่เผยนิสัยแม่ชีเชอรี่ "อ้อล้อ"
ภายหลังสืบทราบว่าบ้านของแม่ชีเชอรี่ อยู่ในบริเวณหลังสถานีรถไฟสวี ถนนสมัครใจราษฎร์ ต.นาโพธิ์ อ.สวี โดยสืบทราบว่าแม่ของแม่ชีเชอรี่ มีลูกทั้งหมด 8 คน แม่ชีเชอรี่เป็นคนสุดท้อง ปัจจุบันอายุ 42 ปี พ่อของแม่ชีเคยมีสกุลว่า "แซ่ฮุน" แล้วเปลี่ยน "ฮุนนางกูล" โดยตระกูลนี้มีชื่อเสียงในด้านฐานะร่ำรวย แต่สืบทราบว่าครอบครัวและตัวของแม่ชีเชอรี่ ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนตระกูล "ฮุนนางกูล"
แหล่งข่าวซึ่งเป็นนักเรียนรุ่นพี่ในชั้นมัธยมศึกษาของแม่ชีเชอรี่ คนหนึ่ง เปิดเผยว่า ในสมัยวัยเด็กแม่ชีเชอรี่ เล่าเรียนในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนสวีวิทยา อ.สวี จ.ชุมพร ซึ่งตนนั้นเป็นรุ่นพี่ของแม่ชีเชอรี่หนึ่งปี พบเห็นแม่ชีเชอรี่ อยู่ตามปกติที่ต้องเรียนในโรงเรียนเดียวกัน พบว่าเชอรี่ มีนิสัยเป็นคนคุยเก่ง อัธยาศัยดี บางครั้งก็ก้าวร้าว ถ้าจะให้พูดภาษาบ้านๆ ก็คือ "มีนิสัยอ้อล้อ"
ส่วนตัวไม่ได้สนิทกับเชอรี่ แต่จำเรื่องราวของเชอรี่ได้ เพราะเชอรี่เรียนไม่จบชั้นมัธยมต้น เนื่องจากไปมีเรื่องมีราวในเชิงชู้สาวถึงขั้นตบตีจนถูกทางโรงเรียนจับได้ และได้ไล่ออกจากโรงเรียนสวีวิทยา จากนั้นตนก็ไม่ได้พบเห็นเชอรี่ อีกเลย และพบอีกครั้งก็ตอนที่เชอรี่ เป็นแม่ชีอยู่ที่วัดถ้ำขวัญเมือง และมีฐานะที่เปลี่ยนไป จนกระทั่งเป็นข่าวโดังดังในโลกออนไลน์
**ขำกลิ้ง "เชอรี่" เรียนจบอเมริกา
อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวเฉพาะกิจ ASTVผู้จัดการ ได้สืบเสาะสอบถามประวัติของแม่ชีเชอรี่ในช่วงเวลาหลังจากที่ต้องออกจากโรงเรียนสวีวิทยา จากแหล่งข่าวในพื้นที่หลายคน รวมทั้งศิษย์เก่าวัดถ้ำขวัญเมืองที่รู้จักแม่ชีเชอรี่ ต่างระบุตรงกันว่า หลังจากที่แม่ชีเชอรี่ ถูกไล่ออกจากโรงเรียนสวีวิทยาแล้ว ได้ไปร่ำเรียนต่อที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ แต่ก็ยังไม่จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยในขณะนั้นยังได้มีความรักและได้อยู่อาศัยอยู่ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ช่วงเวลาหนึ่ง
แต่สุดท้ายก็ผิดหวังกับความรัก กลายเป็นเด็กติดเที่ยว ใจแตก ทั้งการเรียนไม่จบ ม.6 พบกับชีวิตที่ล้มเหลว ไม่มีงานทำ จนชีวิตละหกละเหิน และที่สำคัญแม่ชีเชอรี่ ไม่ได้ไปจบการศึกษาจากประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างที่นายสรยุทธ์ สุทัศนจินดา ผู้ประกาศข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ที่เคยพูดออกข่าวไปแต่อย่างใด
เมื่อสอบถามคนในพื้นที่ อ.สวี ที่รู้จักพื้นเพของแม่ชีเชอรี่ ที่ได้ยินข่าวนี้ต่างหัวเราะกันทุกคนว่า "ไม่เป็นความจริง" แม้กระทั่งญาติที่แม่ชีเชอรี่เคยอยู่ด้วยใน อ.สฉวี ก็ยอมรับเช่นกันว่าไม่ได้ไปเรียนถึงต่างประเทศตามที่เป็นข่าว ส่วนที่มีการระบุว่าจบจากอเมริกานั้นเป็นการให้ข่าวมาจากพระผู้ใหญ่รูปหนึ่งใน จ.ชุมพร ที่รู้จักแม่ชีเชอรี่อย่างดี ที่พยายามจะสร้างภาพให้กับแม่ชีให้ดูดีในสายตาลูกศิษย์เท่านั้น แต่สำหรับคนใน อ.สวี ต่างรู้พฤติกรรมและนิสัย "อ้อล้อ" ของเชอรี่ดีทั้งตลาด
"หลังจากพวกเราดูข่าวตอนเช้า เรื่องเล่าเช้านี้ของนายสรยุทธ์ สุทัศนจินดา ที่ว่าแม่เชอรี่จบจากสหรัฐอเมริกา พวกเราก็หมดความศรัทธาในตัวผู้ประกาศข่าวคนนี้ทัน และขำมากที่ไม่รู้ว่าไปเอาข่าวนี้มาจากไหน ทำไมไม่ตรวจสอบเสียก่อน" ชาวบ้านใน อ.สวี คนหนึ่งกล่าว
**แบกความล้มเหลวเข้าวัดถ้ำฯ
เรื่องราวของ เชอรี่ ในวัยเด็กที่มีนิสัยอ้อล้อ หลังจากถูกไล่ออกจากโรงเรียนฉวีวิทยาดูจะเงียบหายไปจาก อ.สวี ช่วงระยะหนึ่ง จนเวลาล่วงเลยไปหลายปีจู่ๆ เชอรี่ ก็มาโผล่ที่วัดถ้ำขวัญเมือง ต.นาโพธิ์ อ.สวี โดยแบกความล้มเหลวของชีวิตมาด้วยหลายด้านทั้งการเรียนไม่จบ หางานทำไม่ได้ และไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอย่างที่ใครคิดกันแต่อย่างใด
จากการตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งข่าวระบุตรงกันว่า สาเหตุที่เชอรี่ เข้ามาอยู่วัดถ้ำขวัญเมือง เนื่องจากพี่สาวต้องการนำเชอรี่ มาฝากไว้ที่วัดเพื่อให้ทางวัดได้ขัดเกลาดัดนิสัย เนื่องจากเชอรี่เป็นคนมีนิสัยเกเรและก้าวร้าว ซึ่งขณะนั้นเชอรี่ มีอายุได้ประมาณ 25 ปี กำลังอยู่ในวัยเบญจเพศ
ทันทีที่เข้ามาในวัด "เชอรี่" ก็ได้รับการเมตตาจากพระครูสุธรรมวีราจารย์ หรือพระอาจารย์สมใจ ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดถ้ำขวัญเมืองรูปปัจจุบัน ต่อจากพระครูภาวนาภิรมย์ (สรวง ปริสุทฺโธ) หรือหลวงพ่อสรวง ที่ได้ละสังขารเมื่อวันที่ 19 ส.ค.2538
บทบาทของ เชอรี่ หลังถูกพี่สาวนำตัวเข้ามาฝากไว้กับวัดเพื่อขัดเกลาดัดนิสัย ได้มีหน้าที่ช่วยทำงานวัดทั่วไป หากกล่าวถึงสถานะของเชอรี่ ในขณะนั้นก็ไม่แตกต่างจากคนไร้ที่พักอาศัย ไม่ได้มีที่พักเป็นหลักแหล่ง จึงต้องมาอาศัยวัดเป็นที่พักพิง และถ้าจะกล่าวถึงวัดก็เป็นที่พักอาศัยได้แค่ในช่วงเวลากลางวันเท่านั้น
**แฉพฤติกรรมเป็นคน "ไม่ซื่อสัตย์"
ดังนั้น เชอรี่ จึงตกเป็นภาระของบรรดาศิษย์ของหลวงพ่อสรวง รวมทั้งผู้คนที่มาปฏิบัติธรรมหรือกระทั่งแม่ชีคนเก่าแก่ที่มาปฏิบัติธรรมกับหลวงพ่อสร้วงมานานจนกระทั่งหลวงพ่อสรวง ท่านได้ละสังขาร ก็ยังคงยึดแนวทางปฏิบัติอยู่ในวัดนี้ตลอดมา โดยพระอาจารย์สมใจ ที่มีความเมมตารับเชอรี่ไว้อุปการะได้มอบหน้าที่นี้ให้แก่บรรดาศิษย์หลวงพ่อสรวงที่กล่าวมาข้างต้น รับตัวเชอรี่ ไปอุปการะเลี้ยงดูอยู่ในบ้านเพื่อหวังที่จะให้ช่วยอบรมนิสัย อีกแรงหนึ่ง
แต่คนแล้วคนเล่าที่รับเชอรี่ ไปอุปการะดูแลก็ต้องเหนื่อยหน่ายทนต่อพฤติกรรม นิสัยเกเร และก้าวร้าวของเชอรี่ไม่ไหว ที่สำคัญคือ "พฤติกรรมความไม่ซื่อสัตย์ของเชอรี่" จนทุกคนต้องจำใจผลักดันส่งเชอรี่ คืนให้กับทางวัด
แหล่งข่าวซึ่งเป็นลูกศิษย์วัดถ้ำขวัญเมือง มาตั้งแต่สมัยหลวงพ่อสรวง เปิดเผยว่า เชอรี่ มาตัวเปล่าๆ ไม่มีฐานะเงินทองติดไม้ติดมือมาเลยด้วยซ้ำไป อาศัยวัดเป็นที่พักพิงอาศัยและประทังชีวิต เชอรี่ จึงเหมือนคนไร้ที่อยู่ ด้วยที่ว่าลูกศิษย์ของหลวงพ่อสรวง สงสารเห็นใจจึงได้นำไปอยู่ด้วยให้ทำงานบ้านเป็นการตอบแทน รวมทั้งตนเองด้วย
"แต่ต่อมาก็พบว่าคนที่เอาไปเลี้ยงต่างเอือมระอาต่อพฤติกรรมของเชอรี่กันทุกคน ยืนยันได้ว่าเชอรี่ ไม่ได้มีมรดก หรือร่ำรวยอะไรเลย เมื่อประสบความล้มเหลวทางชีวิต พี่สาวจึงนำมาฝากวัดหวังให้วัดขัดเกลานิสัย ซึ่งพวกเราก็ได้ช่วยกันรับอุปการะเลี้ยงแลหลังจากได้รับมอบหมายจากพระอาจารย์ ซึ่งทุกคนที่รับไปอุปการะเลี้ยงดูต่างก็เจอดีมาแล้วเกือบทุกคน คนแรกๆ ที่เคยช่วยเหลือเชอรี่ ปัจจุบันเป็นถึงประธานกรรมการมูลนิธิพิสูจน์กรรม และเป็นผู้ที่เขียนหนังสือธรรมมะจนมีชื่อเสียง เคยช่วยเหลือเชอรี่เอาเข้าไปทำงานด้วยก็ยังเจอเรื่องความไม่ซื่อสัตย์ของเชอรี่"
**เริ่มมีอำนาจคุมทุกอย่างภายในวัด
หลังจากถูกผู้มีอุปการะทั้งหลายผลักดันออกมา เชอรี่ ก็ยังได้รับความเมตตาอย่างสูงจากพระอาจารย์สมใจ เหมือนเดิม โดยให้เชอรี่ มาอาศัยอยู่กับแม่ชี่และผู้ปฏิบัติธรรมภายในวัด หลังจากนั้นก็ได้บวชเป็นชี ได้ชื่อว่า "แม่ชี่เชอรี่" และหลังจากบวชเป็นชีแล้วช่วงแรกๆ ดูเหมือนว่าพฤติกรรมต่างๆ ของแม่ชีเชอรี่จะดีขึ้น ความก้าวร้าวลดลง ดูสดใสไม่เหมือนเมื่อก่อน
แต่ไม่ทราบว่าเหตุใดจู่ๆ พฤติกรรมที่ดูดีขึ้นเรื่อยๆ ของแม่ชีเชอรี่ก็กลายเป็น "ดีแตก" นิสัยเก่าๆ ก้าวร้าวก็กลับเริ่มกลับมีขึ้นอีกครั้งและดูเหมือนว่าจะหนักกว่าเดิม นอกจากจะก้าวร้าวแล้วยังหยาบคายด้วย และมีความทะเยอทะยานที่จะหาหนทางไปอยู่จุดหมายที่ตนเองต้องการ
ว่ากันว่าแม่ชีเชอรี่ เป็นคนฉลาดเรื่องการเข้าหาคนและจับจุดอะไรบางอย่างได้ จึงได้พยายามเข้าหาพระอาจารย์สมใจ อย่างต่อเนื่อง จนลูกศิษย์บางคนถึงกับพูดเปรยๆ ออกมาว่า "เมตตาของพระอาจารย์เปลี่ยนไป"
และนั่นเองเป็นจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างภายในวัดถ้ำขวัญเมือง จากยุคหลวงพ่อสรวง มาจนยุคปัจจุบันที่ศิษย์เก่าของวัดถ้ำขวัญเมืองพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นับแต่แม่ชีเชอรี่ ได้เข้ามากุมอำนาจตั้งกฏภายในวัดทุกอย่างก็เปลี่ยนไปราวหน้ามือเป็นหลังมือ
ลูกศิษย์เก่าแก่ หรือแม้กระทั่งบรรดาคนที่ร่วมสร้างวัดถ้ำขวัญเมืองมาตั้งแต่สัมยครั้งพลวงพ่อสรวง ก็ได้ค่อยๆ หายไปจากวัดทีละคนๆ จนปัจจุบันแทบไม่เหลือคนเก่าแก่ยุคหลวงพ่อสรวง อยู่แล้ว และอาจไม่มีวันเหมือนเดิมหากมีแม่ชีเชอรี่ กุมอำนาจคุมความเป็นไปทุกอย่างรวมทั้ง "เงิน" อยู่ภายในวัด
**ศิษย์งง! "พระอาจารย์" เปลี่ยนไป
แหล่งข่าวซึ่งเป็นคนเก่าแก่ของวัดถ้ำขวัญเมือง เปิดเผยว่า นิสัยของแม่ชีเชอรรี่เป็นคนโมโหร้าย ยิ่งตอนหลังที่กุมอำนาจสั่งใครหันซ้ายหันขวาได้แล้วยิ่งไปกันใหญ่ ไม่เว้นแม้แต่พระผู้ใหญ่ อดีตลูกศิษย์เก่าแก่ของหลวงพ่อสรวง หรือคนที่เคยมาปฏิบัติธรรม หากใครไม่คิดเห็นด้วยหรือทำตาม หรือมีความคิดสวนทางไม่ปฏิบัติตามแนวทางของแม่ชีเชอรี่ เป็นต้องโดนด่าเสียหายมาแล้วแทบทุกราย
จนปัจจุบันวัดถ้ำขวัญเมืองที่แต่ก่อนมีพระ ลูกศิษย์ และกรรมการวัด หรือคนที่อยู่วัดมาแต่เก่าแก่ไม่มีเหลืออยู่แล้วในขณะนี้ เพราะทนต่อความก้าวร้าวและโหดร้ายของแม่ชีเชอรี่ ไม่ไหวได้แต่กระจัดกระจายไปอยู่ตามวัดต่างๆ
ว่ากันว่าอารมณ์ของแม่ชีเชอรี่รุนแรงมากขนาดที่ว่า ขึ้นป้ายห้ามบุคคลที่ตนเองไม่ชอบเข้าวัดถ้ำขวัญเมืองเด็ดขาด หากพบเห็นใครเข้ามาอีกก็จะถูกสั่งให้คนของตนเองอุ้มออกไปข้างนอกวัดเลยด้วยซ้ำ และจากการตรวจสอบก็พบว่า บุคคลที่ถูกขึ้นป้ายห้ามเข้าวัดถ้ำขวัญเมือง ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ล้วนแต่เป็นศิษย์เก่ามาตั้งแต่สมัยหลวงพ่อสรวง ทั้งนั้น ซึ่งหลายคนเป็นกรรมการวัด เป็นผู้อุปฐากวัด และเป็นผู้ที่ร่วมสร้างวัดมากับหลวงพ่อสร้าง
สาเหตุที่โดนไล่พ้นจากวัดและถูกขั้นป้ายห้ามเข้าวัดก็เพราะไปรู้เห็นความลับอะไรที่ไม่เหมาะสมหลายอย่างของแม่ชีเชอรี่ และความเมตตาที่ผิดแปลกไปจากเดิมของพระอาจารย์สมใจ จนแม่ชีเชอรี่ ได้ใจหลงระเริงใช้เงินที่ญาตโยมบริจาคเข้าวัดอย่างฟุ่มเฟือย เหมือนดังเงินตัวเอง
จากแมชีจนๆ ที่ประสมความล้มเหลวในชีวิตก่อนมาห่มขาวก็กลายเป็นเป็นชีที่ร่ำรวย ขับรถหรู่ สวมใส่ยกทรงที่สวยงาม มีการใช้เครื่องประทินผิวทาให้หน้าขาว ทาปากแดง ผูกผ้าพันคอลายดอก ใช้กระเป๋าแบรนด์เนมสีฉูดฉาดราคาแพง ใส่นาฬิกาข้อมือ เข้าคอร์สสปา อบหน้า นวดตัว ขัดผิว โดยที่หลวงพ่อสมใจก็ไม่ได้ว่าอะไร ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกไปหมด จนชาวบ้านใน อ.สวี เรียกว่า แม่ชีเชอรี่ว่า "คุณนายแม่ชีเชอรี่"
เรื่องราวของแม่ชีเชอรี่ ยังไม่จบแค่นี้ ซึ่ง"ทีมข่าวเฉพาะกิจ ASTVผู้จัดการ" จะนำเสนอต่อไป