ศูนย์ข่าวภุมิภาค - ศิษย์เก่า "วัดถ้ำขวัญเมือง" ออกโรงแฉพฤติกรรม "แม่ชีเชอรี่" มุสาคำโตไม่ได้จบ "อเมริกา" เผยเคยถูกไล่ออกกลางคันช่วงเรียน ม.3 เหตุเรื่องชู้สาว-ตบตีแย่งชาย จนหายหน้าไปจากพื้นที่ โผล่อีกครั้งเป็นใหญ่ในวัด คุมการเงินเบ็ดเสร็จ จนคนในสวีเรียกขาน "คุณนายเชอรรี่" นิสัยสุดแย่ด่าหยาบแม้กระทั่งพระ-เณร "เจ้าคณะอำเภอสวี" จี้เจ้าอาวาสและแม่ชีเชอรี่รีบออกมาชี้แจงต่อสาธารณชน อย่าปล่อยให้เรื่องบานปลาย จะทำให้ศาสนาเสื่อมเสียลง
วันนี้ (30 มิ.ย.57) แหล่งข่าวซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อสรวง ปริสุทโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดถ้ำขวัญเมือง ต.นาโพธิ์ อ.สวี จ.ชุมพร หลายคนได้พร้อมใจกันออกมาเปิดเผยถึงพฤติกรรมของนางสาวสุปริญญา ฮุนนางกุล หรือแม่ชีเชอรี่ หลังตกเป็นข่าวอื้อฉาวมีพฤติกรรมไม่เหมาะกับผู้ปฏิบัติธรรม โดยได้พร้อมใจกันออกมาเปิดเผยความจริงต่อสังคมกรณีที่มีการระบุว่า แม่ชีเชอรี่ เรียนจบจากอเมริกาและมีฐานะทางการเงินเป็น 100 ล้านบาทว่า ตามที่มีการระบุในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ทางช่อง 3 ของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา นั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ความจริงก็คือแม่ชีเชอรี่คนนี้เดิมที ไม่ได้เป็นคนร่ำรวยมาจากไหนเลย ตอนที่เข้ามาอยู่ในวัดใหม่ๆ ก็เป็นคนที่มีฐานะธรรมดาเหมือนชาวบ้านทั่วไป แถมยังเป็นคนที่ประสบความล้มเหลวในชีวิตอีกด้วย
แหล่งข่าวที่เป็นศิษย์วัดนี้ เปิดเผยต่อว่า แม่ชีเชอรี่ เดิมเกิดในพื้นที่ อ.สวี จ.ชุมพร อายุปัจจุบันประมาณ 42 ปี มีพี่น้องทั้งหมด 8 คนโดยตัวแม่ชีเชอรี่ เป็นคนสุดท้อง หลังจากพ่อแม่เสียชีวิตแล้วก็ไม่ได้ทิ้งสมบัติ หรือมรดกใดๆ ไว้ให้ โดยอาศัยอยู่กับญาติพี่น้องในพื้นที่ อ.สวี ไม่มีกิจการใดๆ เป็นของตนเอง
อย่าว่าแต่ไปเรียนอเมริกาเลย ความจริงแล้วแม่ชีเชอรีเรียนไม่จบ ม.6 ด้วยซ้ำไป โดยตอนที่เรียนอยู่ที่โรงเรียนฉวีวิทยายังไม่ทันจบ ม.3 ก็โดนทางโรงเรียนไล่ออกเนื่องจากมีปัญหาเรื่องชู้สาวและตบตีแย่งผู้ชายกัน หลังจากนั้นก็ไปเรียนต่อที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ แต่ก็เรียนไม่จบ ม.6 อีกเนื่องจากเป็นคนมีนิสัยเกเร ก้าวร้าว ใจแตก ชอบเที่ยว และก่อนที่จะมาเป็นแม่ชีก็เคยมีแฟนมาก่อนแต่ก็ล้มเหลวในความรักจนเกิดความเครียด
กระทั่งญาติได้พามาทำบุญที่วัดถ้ำขวัญเมือง และฝากให้อยู่ที่วัดเพื่อให้ทางวัดอบรมขัดเกลานิสัย ซึ่งพระครูสุธรรมวีราจารย์ (หลวงพ่อสมใจ) เจ้าอาวาสวัดถ้ำขวัญเมือง ก็ได้เมตตารับไว้ โดยตอนแรกหลวงพ่อได้ให้เชอรี่ไปอยู่กับลูกศิษย์หลายๆ คนเพื่อให้ช่วยอบรมนิสัย โดยช่วงนั้นเชอรี่อายุประมาณ 25 ปี แต่นิสัยก็เหมือนเดิมและก็อยู่กับใครไม่ได้สักคน เนื่องจากเป็นคนก้าวร้าวที่สำคัญไม่มีความซื่อสัตย์ จนลูกสิษย์แต่ละคนเบื่อหน่ายกับพฤติกรรมของเชอรี่ จึงได้นำเรื่องไปกราบแจ้งต่อหลวงพ่อสมใจ ให้ทราบ ซึ่งหลวงพ่อสมใจก็ได้แก้ปัญหาด้วยการให้เชอรี่เข้ามาอยู่ในวัด เพื่อหวังที่จะอบรมนิสัยให้ดีขึ้น
"ช่วงที่เข้ามาอยู่ในวัดใหม่ๆ นิสัยก็เริ่มปรับเปลี่ยนไปในทางที่ดี เนื่องจากได้ปฏิบัติธรรมและได้รับการอบรมจากหลวงพ่อ แต่ก็ไม่รู้ด้วยสาเหตุอันใด อยู่ๆ นิสัยแม่ชีเชอรี่ก็กลับมาก้าวร้าวขึ้นอีก และดูจะหนักขึ้นกว่าเดิม ใครทำอะไรที่ไม่ถูกใจเป็นโดนด่าหมด โดยด่าด้วยถ้อยคำที่หยาบคายมาก ไม่เว้นแม้กระทั้งพระ เณร และแม่ชีคนเก่าแก่ที่มาปฏิบัติธรรมอยู่ในวัด ซึ่งหลวงพ่อก็ไม่ได้ว่าอะไร เนื่องจากท่านมีความเมตตา เมื่อเห็นว่าหลวงพ่อท่านเมตตา ให้ท้าย ก็ยิ่งทำให้แม่ชีเชอรี่ก้าวร้าวมากขึ้น ใครทำอะไรไม่ถูกใจก็จะไล่ออกจากวัดไปเลย"
แหล่งข่าวคนเดียวกันเปิดเผยต่อว่า ต่อมาไม่ทราบว่าด้วยสาเหตุใด หลวงพ่อถึงได้เมตตาไว้วางใจให้แม่ชีเชอรี่ เข้ามาดูแลกิจกรรมต่างๆ ภายในวัดทั้งหมด รวมทั้งเข้ามาดูแลเรื่องเงินของวัดที่มีเป็นจำนวนมากด้วย จากเดิมที่หลวงพ่อสรวง ปริสุทโธ ท่านได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาบริหารจัดการเรื่องเงินของวัด รวมทั้งพระสงฆ์และฆารวาสทั้งหมด 15 คน หากมีการเบิกจ่ายเงินจะต้องมีการเซ็นรู้เห็นกันทั้งหมด 4 คน ซึ่งมีความโปร่งใสมาก แต่พอแม่ชีเชอรี่เข้ามา ก็ได้มีการปลดคณะกรรมการที่หลวงปู่สรวง แต่งตั้งไว้ออกทั้งหมด จนเหลือเพียงผู้มีอำนาจการเบิกจ่ายเงินของวัดได้เพียง 2 รายเท่านั้นคือหลวงพ่อสมใจ กับแม่ชีเชอรี โดยที่ไม่มีใครเข้าไปแตะต้องได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดสังเกตุอย่างมาก
"หลังจากนั้น แม่ชีเชอรี ก็มีพฤติกรรมเปลี่ยนไปจากแมชีจนๆ ที่ประสมความล้มเหลวในชีวิตก่อนมาบวช ก็กลายเป็นเป็นชีที่ร่ำรวย ขับรถหรู่ สวมใส่ยกทรงที่สวยงาม มีการใช้เครื่องประทินผิวทาให้หน้าขาว ทาปากแดง ผูกผ้าพันคอลายดอก ใช้กระเป๋าแบรนด์เนมสีฉูดฉาดราคาแพง ใส่นาฬิกาข้อมือ ไม่ลงทำวัตรเช้า-เย็น แต่ไปกิจนิมนต์กับเจ้าอาวาสทุกงาน อำนาจในวัดทุกอย่างขึ้นอยู่กับแม่ชี ทั้งที่น่าจะเป็นกิจของสงฆ์
นอกจากนี้ ยังมีการเข้าคอร์สสปา อบหน้า นวดตัว ขัดผิว โดยที่หลวงพ่อสมใจ ก็ไม่ได้ว่าอะไร ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกไปหมด จนชาวบ้านในอำเภอสวีเรียกว่า แม่ชีเชอรี่ว่า คุณนายเชอรี่" แหล่งข่าวกล่าว
ส่วนที่พระประพาฬ รักฐิตศรีโร พระลูกวัดถ้ำขวัญเมือง ออกมาระบุถึงกรณีการขึ้นป้ายประกาศห้ามบุคคลบางคนเข้าวัดถ้ำขวัญเมืองวึ่งมีทั้งหมด 14 คนว่าเนื่องจากบุคคลที่อยู่ในภาพได้ฝ่าฝืนกฎระเบียบของวัดไม่ปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง ทางวัดจึงมีมาตรการลงโทษห้ามเข้าวัดและร่วมทำกิจกรรมของวัดนั้น
แหล่งข่าวซึ่งเป็นศิษย์เก่าวัดถ้ำขวัญเมือง เปิดเผยว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ทั้ง 14 คน ที่มีชื่อติดประกาศห้ามเข้าวัดนั้นล้วนเป็นศิษย์เก่ามาตั้งแต่สมัยหลวงพ่อสรวง ปริสุทโธ บางคนเป็นไวยาวัจกรวัด กรรมการวัด เป็นผู้อุปถัมภ์วัด และเคยร่วมสร้างวัดถ้ำขวัญเมือง มากับหลวงพ่อสรวง มาก่อน รวมทั้งหลายคนยังเคยเป็นผู้ที่เคยรับตัวแม่ชีเชอรี่ ไปอุปการะดูแลมาก่อนที่จะมามีบทบาทเป็นใหญ่ในวัดด้วยซ้ำ
"สาเหตุที่ทั้ง 14 คน โดนไล่ออกเนื่องจากไปรู้ความลับหลายๆ อย่างที่ไม่เหมาะสมของแม่ชี โดยเฉพาะเรื่องเงินของวัด ดังนั้น จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการตรวจสอบในเรื่องนี้ โดยเฉพาะเล้นทางการของวัดว่ามีการนำไปใช้จ่ายในด้านใดบ้าง โปร่งใสหรือไม่" แหล่งข่าวจากลูกศิษย์วัดถ้ำขวัญเมือง กล่าว
**เจ้าคณะสวีจี้เจ้าอาวาส-แม่ชีรีบมาแจง
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศจากวัดถ้ำขวัญเมือง ต.นาโพธิ์ อ.สวี จ.ชุมพรว่า หลังจากแม่ชีเชอรี่ ตกเป็นข่าวมานานเกือบ 1 สัปดาห์จนถึงขณะนี้ที่วัดถ้ำขวัญเมือง ทั้งเจ้าอาวาสวัดถ้ำขวัญเมือง และแม่ชีเชอรี่ ก็ยังหายตัวไปโดยไม่มีผู้ใดให้ข้อมูลได้ว่าทั้ง 2 ไปอยู่ที่ไหน ขณะที่พระสงฆ์และแม่ชีภายในวัดก็ปฏิเสธที่จะพูดคุยเรื่องดังกล่าว โดยพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่มีอำนาจหรือหน้าที่จะให้ข้อมูลหรือข่าวใดๆ กับสื่อมวลชนได้ นอกจากเจ้าอาวาสกับแม่ชีเชอรี่เท่านั้น
ด้านพระครูเกษม ทัศนคุณ เจ้าอาวาสวัดโพธิเกษตร ในฐานะเจ้าคณะอำเภอสวี ฝ่ายธรรมยุต กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นอาตมาไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะหลายฝ่ายก็ให้ความสนใจ ในส่วนของอาตมานั้นเบื้องต้นได้มีการสอบถามผู้เกี่ยวข้องในวัดถ้ำขวัญเมืองบ้างแล้ว ซึ่งทราบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากความขัดแย้งภายในวัดเกี่ยวกับกฎระเบียบต่างๆ ของผู้ปฏิบัติธรรม ซึ่งก็มีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย และเมื่อมีคนเห็นแม่ชีขับรถเก๋งราคาหลายล้านบาท และใช้กระเป๋าหรูราคาแพง ซึ่งเบื้องต้นก็ได้ข้อมูลว่ารถเก๋งคันดังกล่าวเป็นของญาติโยมที่เข้ามาปฏิบัติธรรม และอนุญาตให้แม่ชีเชอรี่นำไปใช้ในกิจธุระได้เป็นครั้งคราว
ดังนั้น เมื่อมีคนเห็นแม่ชีขับรถเก๋งราคาแพงจึงมองว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมจึงถ่ายรูปแล้วนำไปลงในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ทำให้สังคมเคลือบแครงใจ แล้วสื่อมวลชนก็นำเสนอเป็นข่าวจึงต้องขอชมเชยสื่อที่พยายามติดตามค้นหาความจริง ซึ่งที่ผ่านก็มีให้เห็นอยู่หลายเรื่องในแวดวงศาสนาที่สื่อได้เป็นผู้นำเสนอความจริงมาตีแผ่ จึงถือเป็นการปกป้องพระพุทธ
ส่วนพฤติกรรมของแม่ชีเชอรี่ ที่ขับรถปอร์เช่หรูราคาแพงและใช้กระเป๋าแบรนด์เนมยีห้อดัง จนถูกมองว่าอาจจะนำเงินบริจาคจำนวนมากในวัดไปใช้เป็นการส่วนตัวนั้น พระครูเกษม ทัศนคุณ กล่าวว่า ปกติมีกฎระเบียบการปฏิบัติของวัดมีอยู่แล้ว และหากมีผู้ร้องเรียนเข้ามาผู้เกี่ยวข้องรวมทั้งทั้งสำนักพุทธศาสนาก็สามารถตั้งกรรมข้าไปตรวจสอบได้ และหากพบว่ามีการนำเงินของวัดไปใช้เป็นการส่วนตัวก็ถือเป็นความผิดทางอาญาอยู่แล้ว และเรื่องนี้คงจะต้องมีการตรวจสอบเช่นเดียวกัน
"แต่อย่างไรก็ตามเรื่องนี้อาตมาอยากจะให้เจ้าอาวาสวัดถ้ำขวัญเมือง และแม่ชีเชอรี่ รีบออกมาชี้แจงต่อสังคมต่อสาธารณชนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นโดยเร็ว โดยเฉพาะแม่ชีเชอรี่ หากขับรถคันดังกล่าวออกไปก็ขอให้ขับกลับมาเลย เพราะทุกวันนี้ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์และพูดกันปากต่อปาก จากเรื่องมดตัวเล็กๆ จนกลายเป็นมดที่งอกหูงอกงวงงอกงาพอกพูนจนตัวใหญ่โตไปเรื่อยๆ จึงขอให้รีบออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงโดยเร็วๆ อย่าปล่อยให้เรื่องราวใหญ่โตบานปลายไม่มากกว่านี้อีกเลย ซึ่งจะทำให้พุทธศาสนาเสื่อมเสียไปทุกวัน"