พระนครศรีอยุธยา - กระทรวงสาธารณสุข ลงมือเผาทำลายยาเสพติด 3,094 กิโลกรัม มูลค่า 8,867 ล้านบาท กลางนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน นักเรียนกรุงเก่า เดินรณรงค์ในวันต่อต้านยาเสพติดโลก
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (26 มิ.ย.) ที่ศูนย์บริหารสาธารณูปโภคและสิ่งแวดล้อม นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา กระทรวงสาธารณสุข ได้ทำพิธีเผาทำลายยาเสพติดของกลางให้โทษ ครั้งที่ 43 ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา
โดยมี พล.ท.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข รองเสนาธิการทหารบก ในฐานะรองหัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เป็นประธาน พร้อมด้วยนายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒนา ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนายแพทย์บุญชัย สมบูรย์สุข เลขาธิการคณะกรรมอาหารและยา (อย.) ร่วมเป็นสักขีพยานในการเผาทำลาย
สำหรับการเผาทำลายยาเสพติดครั้งนี้ มีปริมาณยาเสพติดรวมทั้งสิ้น 3,094 กิโลกรัม จากจำนวนคดีที่พิจารณาเสร็จสิ้น 2,911 คดี มูลค่ารวม 8,867 ล้านบาท โดยมีจำแนกตามประเภทยาเสพติด ได้แก่ เมทแอมเฟตามีน หรือยาบ้า 2,504 กิโลกรัม หรือประมาณ 27 ล้านเม็ด มูลค่า 8,348 ล้านบาท ยาไอซ์ 243 กิโลกรัม มูลค่า 487 ล้านบาท เฮโรอีน 21 กิโลกรัม มูลค่า 17 ล้านบาท ยาอี 2 กิโลกรัม ประมาณ 9 พันเม็ด มูลค่า 9 ล้านบาท และฝิ่น 74 กิโลกรัม มูลค่า 2 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีกัญชาของกลาง ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดนำมาร่วมเผา 5,066 กิโลกรัม มูลค่า 12 ล้านบาทด้วย
โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเผาทำลายที่ศูนย์บริหารสาธารณูปโภคและสิ่งแวดล้อม นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ด้วยวิธีไพโรไลติก อินซิเนอะเรชัน (Pyrolytic Incineration) ซึ่งเป็นการเผาที่อุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 850 องศาเซลเซียส จะทำให้เกิดการสลายตัวของโมเลกุล กลายเป็นคาร์บอนในระยะเวลาอันรวดเร็ว และไม่ก่อให้เกิดควัน หรือมลพิษ เพราะมีกระบวนการเผาทำลายควันที่เกิดขึ้นภายใน 0.5 วินาที โดยผงที่เหลือจากการเผาทุกครั้งเมื่อนำไปตรวจสอบแล้วไม่พบสารเสพติดทั้งหมด
พล.ท.ฉัตรเฉลิม กล่าวว่า คสช.ได้กำหนดวาระเร่งด่วน ให้การแก้ปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อปราบปรามยาเสพติดให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทย จึงจัดให้มีการเผาทำลายยาเสพติดให้โทษของกลางขึ้นเป็นครั้งที่ 43 ปริมาณยาเสพติดให้โทษของกลางที่เผาทำลาย มีรวมกว่า 3,094 กิโลกรัม จาก 2,911 คดี ได้แก่ ยาบ้า ยาไอซ์ เฮโรอีน ยาอี โคคาอีน และกัญชา ซึ่งเป็นการเผาที่อุณหภูมิสูง และจะทำให้เกิดการสลายตัวของโมเลกุลกลายเป็นคาร์บอนในระยะเวลาอันรวดเร็วและไม่ก่อให้เกิดมลพิษในอากาศและสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติการครั้งนี้ แสดงถึงเจตนารมณ์อันแน่วแน่ร่วมกัน ในการสนับสนุน นโยบายแก้ไขปัญหายาเสพติด ปัจจุบัน
แนวโน้มการระบาดของยาเสพติดอยู่ในเกณฑ์ที่น่าห่วง จึงมีการขับเคลื่อนงานแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดอย่างเร่งด่วน และบำบัดผู้ที่ป่วย ในปีนี้ ตั้งเป้าบำบัดให้ได้ไม่ต่ำกว่า 3 แสนคน โดย ป.ป.ส. ได้คาดประมาณว่ามีผู้เสพยาเสพติดมากกว่า 1.2 ล้านคน และจากประกาศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 41/2557 ได้ให้ความสำคัญปัญหายาเสพติด ถือเป็นนโยบายเร่งด่วน ที่ต้องดำเนินการอย่างเข้มแข็ง จริงจัง โดยกำหนดวัตถุประสงค์หลัก คือ “ ลดปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติดของประเทศ ขจัดความเดือดร้อนของประชาชน ” เพื่อให้ปัญหาลดลงอย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนื้ สถานการณ์ยาเสพติดระดับโลก องค์การสหประชาชาติ รายงานล่าสุดในปี 2552 ประชากรโลกใช้สารเสพติด 172 - 250 ล้านคนเพิ่มขึ้นจากช่วงปี 2533 - 2542 ประมาณ 7 เท่าตัว โดยเป็นผู้เสพติด 18 - 38 ล้านคน การเสพยาเสพติดจัดเป็น 1 ใน 20 ความเสี่ยงที่ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพทั่วโลก เช่นการติดเชื้อเอชไอวี ตับอักเสบ และวัณโรค โดยมีผู้ใช้เข็มฉีดยาเสพติดและติดเชื้อเอชไอวีจำนวน 2.8 ล้านคน ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ประมาณ 8 ล้านคน แต่ละปีมีรายงานผู้เสียชีวิตจากการใช้สารเสพติด 104,000 - 236,000 คน อายุระหว่าง 15 - 64 ปี ส่วนใหญ่เสียชีวิตจากการเสพติดเกินขนาด
ก่อนหน้านี้ ช่วงเวลา 08.00 น. ที่โรงเรียนอนุบาลพระนครศรีอยุธยา นายอำนาจ เภทพ่อค้า รักษาการผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลพระนครศรีอยุธยา ต.ท่าวาสุกรี อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ได้นำนักเรียนชั้นอนุบาล ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 900 กว่าคน เดินถือป้ายรณรงค์การต่อต้านยาเสพติดให้โทษรอบเกาะเมืองพระนครศรีอยุธยา เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดสากล เพื่อให้ประชาชนทั่วไปตระหนักถึงพิษภัยของยาเสพติด และโทษของผู้เสพ และค้ายาเสพติด