พระนครศรีอยุธยา - ผักตบชวาจำนวนมหาศาลไหลทะลักลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา และป่าสัก กีดขวางการเดินเรือทั้งเรือของชาวประมงในท้องถิ่น เรือโดยสารข้ามฝั่งแม่น้ำ เรือบริการนักท่องเที่ยว และเรือขนาดใหญ่ที่ใช้ขนส่งเพื่อการพาณิชย์ กรมเจ้าท่าเร่งกำจัดนำไปทำปุ๋ยชีวภาพ
วันนี้ (9 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้ออกสำรวจสภาพแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำป่าสัก ช่วงใต้สะพานปรีดียธำรงค์ จ.พระนครศรีอยุธยา พบว่า ขณะนี้มีผักตบชวาลอยอยู่เต็มแม่น้ำจนทำให้การเดินเรือของประชาชน และเรือบรรทุกสินค้าเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากในแม่น้ำเต็มไปด้วยผักตบชวาซึ่งมีความหนาแน่น และมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นทุกวัน
นายวีระพล สุวรรณกิจ อายุ 27 ปี ผู้ประกอบการเดินเรือข้ามฟาก บริเวณหน้าสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ในช่วงเดือนนี้มีผักตบชวาลอยมาตามแม่น้ำป่าสักเป็นจำนวนมาก ทำให้ยากในการเดินเรือ ซึ่งต้องเดินเรือเลี่ยงผักตบชวา และใช้เวลานานเพิ่มมากขึ้น
“อยากจะฝากผู้เกี่ยวข้องให้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาด้วย ส่วนที่หน้าวัดพนัญเชิงวรวิหาร ซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมของแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่ป่าสักนั้น ก็มีผักตบชวาลอยเต็มแม่น้ำอย่างหนาแน่นเช่นกันจนทำให้เรือข้ามฟาก และเรือบรรทุกสินค้าเดินเรือด้วยความยากลำบากเช่นกัน” นายวีระพล กล่าว
นายวิเชียร เปมานุกรรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ในช่วงเดือนนี้ผักตบชวาเจริญเติบโตเป็นจำนวนมาก เมื่อมีการปล่อยน้ำจากประตูระบายน้ำจากคลองชลประทานต่างๆ ลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำป่าสัก จึงทำให้ผักตบชวาที่หนาแน่นเหนือประตูระบายน้ำได้ทะลักลงสู่แม่น้ำทั้ง 2 จนเต็มแม่น้ำ จนทำให้การสัญจรทางน้ำติดขัด และอาจเกิดอุบัติเหตุทางน้ำได้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กรมเจ้าท่า ได้จัดส่งเรือขนาดใหญ่สำหรับตัด และตักกอผักตบชวาเพื่อลำเลียงขึ้นฝั่งโดยมีรถแบ็กโฮมาคอยตักใส่รถบรรทุกเพื่อขนถ่ายส่งต่อไปทำปุ๋ยชีวภาพแล้ว ซึ่งการกำจัดผักตบชวาดังกล่าวได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันนี้ (9 มิ.ย.) เป็นต้นไป โดยเริ่มที่ท่าน้ำหน้าโบราณสถานป้อมเพชร และหน้าวัดพนัญเชิงวรวิหาร ซึ่งเป็นจุดบรรจบของแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำป่าสัก และเป็นวังน้ำวน ซึ่งกระแสน้ำได้พัดพาเอากอผักตบชวาจำนวนมหาศาลไหลมารวมกันในแม่น้ำตรงจุดนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตระเวนตรวจสอบพบว่า ขณะนี้พบผักตบชวาจำนวนมากได้ลอยมาเต็มแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำป่าสัก ตั้งแต่พื้นที่รอบเกาะเมืองกรุงเก่า ในเขตอำเภอพระนครศรีอยุธยา ไปจนถึงพื้นที่อำเภอบางปะอิน และอำเภอบางไทร โดยพบว่า เริ่มมีปัญหาหนักมากขึ้นทุกวัน โดยปริมาณผักตบชวาจำนวนมากนี้ได้สร้างปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม และเป็นปัญหาต่อการเดินเรือทั้งเรือของชาวประมงในท้องถิ่น เรือโดยสารข้ามฝั่งแม่น้ำ เรือบริการนักท่องเที่ยว และยังส่งผลกระทบต่อเรือขนาดใหญ่ที่ใช้ขนส่งเพื่อการพาณิชย์ด้วย