ประจวบคีรีขันธ์ - เด็กหญิงวัย 1 ขวบ 8 เดือน ปีนหน้าต่างตกหม้อต้มยำไก่ขณะน้ำเดือด ถูกน้ำร้อนลวกเกือบทั่วร่าง ล่าสุด อาการพ้นขีดอันตราย แต่ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ ขณะที่นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน เข้าเยี่ยมดูอาการและมอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้น แพทย์โรงพยาบาลหัวหิน ระบุคาดใช้เวลาพักรักษาตัวอย่างน้อย 10 วัน
วันนี้ (23 มิ.ย.) ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา โรงพยาบาลหัวหิน ชั้น 5 ห้องศัลยกรรมหญิง นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน นายอติชาติ ชัยศรี เลขานายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน พร้อมคณะ และเจ้าหน้ากองสวัสดิการและสังคมเทศบาลเมืองหัวหิน เดินทางไปเยี่ยมดูอาการ ด.ญ.อรอุมา จันทร์อุปถัมภ์ หรือน้องซูกัส อายุวัย 1 ขวบ 8 เดือน ที่ประสบอุบัติเหตุตกลงไปในหม้อต้มยำไก่ที่น้ำกำลังเดือด โดยเหตุเกิดขึ้นช่วงเช้าเวลาประมาณ 10.00 น. เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.57 ที่ผ่านมา
น.ส.อรอนงค์ จันทร์ฉาย อายุ 20 ปี แม่ของน้องซูกัส เล่าให้ฟังว่า ตนทำงานเป็นผู้ช่วยแม่ครัวในร้านอาหารแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน ส่วนสามีทำงานอยู่บริษัทกำจัดขยะ มีรายได้น้อย ตามปกติจะจ้างญาติซึ่งมีศักดิ์เป็นอา มาเลี้ยงน้องซูกัส เพราะตนไม่มีเวลา
ในวันเกิดเหตุตนกำลังซักผ้าอยู่ในบ้านเลขที่ 86/12 ถนนเดชานุชิต ชุมชนสนามกอล์ฟ ต.หินหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นบ้านปูนแบบชั้นเดียว ส่วนน้องซูกัส ได้นั่งเล่นอยู่ที่บ้านของอา ซึ่งปลูกอยู่ติดกัน จนกระทั่งได้ยินเสียงน้องซูกัส ร้องดังมากจึงลุกออกมาดู อาจึงบอกว่า น้องซูกัส ได้ปีนหน้าต่างแล้วพลัดตกลงจากหน้าต่างตกลงในหม้อต้มยำไก่บนเตาแก๊สที่อยู่ติดกับหน้าต่าง ทำให้หน้าของน้องซูกัส จุ่มลงไปในหม้อน้ำเดือด และตามแขนขาก็ได้ถูกน้ำเดือดลวกด้วยบางส่วน ตนจึงได้รีบพาน้องซูกัส ส่งโรงพยาบาลหัวหิน
เมื่อแพทย์ตรวจ และทำแผลเรียบร้อยก็อนุญาตให้กลับบ้านได้เพื่อให้ไปพักฟื้นที่บ้านต่อ ซึ่งต่อมา น้องซูกัส มีอาการอาเจียน และร้องไห้ตลอดเวลา ตนจึงนำตัวมาพบแพทย์อีกครั้ง ซึ่งแพทย์ก็ให้พักฟื้นต่อที่โรงพยาบาลหัวหิน เพื่อดูอาการ
ด้าน พ.ท.นายแพทย์บัญชา ตันชวลิต แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรม โรงพยาบาลหัวหิน ซึ่งเป็นแพทย์เจ้าของไข้ กล่าวว่า บาดแผลที่พบบนร่างกายของน้องซูกัส ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ เป็นบาดแผลที่อยู่ระดับ 1 และ 2 ยังไม่ถือว่าเป็นบาดแผลฉกรรจ์มาก มีเพียงบางจุดที่แผลลึกบ้าง
ส่วนการดูแลดำเนินการ 2 ลักษณะคือ แผลที่ไม่ได้ลึกมากก็สามารถเดินทางไปกลับได้ เพื่อความสะดวกของญาติที่อาจจะต้องทำงาน แต่กรณีของน้องซูกัส กลับมาพบแพทย์อีกครั้งเพราะน้องเกิดอาเจียนมาก จึงต้องให้นอนพักที่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการอย่างใกล้ชิด เนื่องจากการดูแลที่บ้านอาจไม่สะดวก และอาจเป็นปัญหาสำหรับเด็กที่ต้องเน้นเรื่องความสะอาด และเด็กควรรับประทานอาหารได้ ถ้าอาเจียนก็จำเป็นต้องให้น้ำเกลือเป็นตัวช่วย
พ.ท.นายแพทย์บัญชา กล่าวต่ออีกว่า สำหรับบาดแผลที่ถูกลวกแบบนี้มีอยู่ 3 ระดับ คือ ระดับ 1 แผลจะแค่แดงคล้ายแดดเผาไหม้ ระดับ 2 จะเป็นแผลแบบมีตุ่มน้ำพองขึ้นมา ส่วนระดับ 3 คือ ชั้นผิวหนังเป็นแผลลึก หนังเน่าตาย ซึ่งต้องตัดหนังออกทิ้ง
ส่วนกรณีของน้องซูกัส ยังอยู่ในระดับ 1 และ 2 คือ จะต้องฟอกหนังและปิดแผลไว้ ส่วนวันแรกหรือใน 24 ชั่วโมงแรก บาดแผลอาจจะดูน่ากลัว เพราะยังบวมแดงอยู่มาก แต่เมื่อดูแลรักษาตามขั้นตอนแล้วอาการบวมแดงจะทุเลาลงเรื่อยๆ และกรณีของ น้องซูกัส ยังเป็นเด็กเล็ก การทำแผลจึงลำบากตรงที่เด็กร้องไห้งอแงบ้าง
“สำหรับวันนี้ แพทย์พยาบาลได้วางแผนจะนำน้องซูกัส เข้าห้องผ่าตัดเพื่อเบิร์นแผลฟอกทำความสะอาดทั้งที่ใบหน้า และแขน ส่วนโอกาสที่ผิวหนังจะกลับมาปกตินั้นมีมาก แค่ระวังไม่ให้แผลติดเชื้อ จากนั้นประมาณ 7-10 แผลสดจะค่อยๆ หาย ยกเว้นแผลบางจุดจริงๆ ถ้าลึกก็จะใช้เวลาที่นานขึ้น แต่การดูแลรักษาที่ดีจะช่วยได้ และเชื่อว่า น้องซูกัส จะไม่เป็นแผลเป็นที่น่ากลัวอย่างที่ญาติกังวลใจ” พ.ท.นายแพทย์บัญชา กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน พร้อมคณะได้เดินทางไปเยี่ยมดูอาการน้องซูกัส พร้อมได้มอบเงินช่วยเหลือน้องซูกัส เป็นเบื้องต้นก่อน 12,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดูแลก่อน ส่วน น้องซูกัส ยังใช้สิทธิการรักษา 30 บาท แต่หากใช้เกินก็จะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในภายหลัง
พร้อมกล่าวว่า รู้สึกสงสารน้องที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น และได้กล่าวต่อแม่เด็กอีกว่าให้พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลหัวหิน ซึ่งมีการรักษาเทียบเท่ากับโรงพยาบาลในส่วนกลาง พร้อมให้เจ้าหน้าที่กองสวัสดิการสังคม เทศบาลเมืองหัวหิน มาติดตามว่ามีอะไรที่ขาดเหลือเพื่อให้ความช่วยเหลือต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ยังคงมีเพื่อนบ้าน และประชาชนที่ทราบข่าวต่างเดินทางมาให้กำลังใจแม่และน้องซูกัส ที่บางครั้งยังร้องไห้เนื่องจากมีอาการเจ็บบาดแผล ทำให้บางครั้งผู้เป็นแม่ต้องคอยปลอบลูกสาวตลอดเวลา