ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ปลัดกระทรวงทรัพย์ฯ ลงพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน ติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีกับผู้บุกรุก พร้อมดูรีสอร์ตหรู “ผางาม” ที่แพ้คดี 3 ศาลรวด เตรียมรื้อถอน ก่อนเดินทางไปดู “บ้านทะเลหมอก รีสอร์ท” ที่บุกรุกป่าอุทยาน ด้าน หน.อุทยานฯ เผยคดีบุกรุกป่ากว่า 400 คดีคืบหน้า
วันนี้ (8 มิ.ย.)นายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน เปิดเผยว่า ช่วงบ่ายวันนี้ นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะเดินทางลงพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลานเพื่อติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการกับผู้บุกรุกป่าอุทยานและเข้าไปตรวจสอบรีสอร์ท “บ้านผางาม รีสอร์ท” ที่แพ้คดี 3 ศาลรวด เพื่อดำเนินการสั่งการรื้อถอนต่อไป จากนั้นจะเดินทางต่อไปตรวจสอบ บ้านทะเลหมอก รีสอร์ท ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.บุพราหม์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ซึ่งอยู่ระหว่างการฟ้องร้องศาลคัดค้านการเข้ารื้อถอนของอุทยาน
นายเทวินทร์ กล่าวอีกว่า ปัญหาการบุกรุกเขตอุทยานฯ ทับลาน เพื่อสร้างรีสอร์ทและบ้านพักตากอากาศทางอุทยานฯ ได้มีการดำเนินการตามมาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ.อุทยานฯ พ.ศ. 2504 คดีบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลานทั้งหมด 435 คดี แบ่งเป็น ออกคำสั่งมาตรา 22 แล้ว จำนวน 144 คดี ผู้กระทำผิดรื้อถอนแล้ว 65 คดี เป็นสิ่งปลูกสร้างชั่วคราว และไร่มันสำปะหลัง ออกหนังสือแจ้งเตือน 79 คดี รื้อถอนแล้ว 36 คดี ยังไม่รื้อถอน 43 คดี ยังไม่ออกคำสั่งมาตรา 44 (คดีตรวจยึด) 291 คดี (ผลคดีอยู่ชั้นพนักงานสอบสวน)
ส่วนคดีปกครอง (เจ้าหน้าที่ถูกฟ้อง เนื่องจากออกคำสั่งมาตรา 22) มีทั้งหมด 38 คดี อยู่ศาลปกครองชั้นต้น 17 คดี อยู่ชั้นศาลปกครองสูงสุด 15 คดี คดีถึงที่สุดแล้ว 6 คดี ยังไม่รื้อถอนจำนวน 2 คดี (อยู่ระหว่างการขออนุมัติ)
สำหรับ “บ้านผางาม รีสอร์ท” นั้น ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 125 ไร่ พร้อมสิ่งปลูกสร้างกว่า 10 หลัง มูลค่านับร้อยล้านบาท อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน ท้องที่ ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี มีนายศักดา ภิภพศิริรัตน์ และนางปรานี หรือปราณี วุฒิกานากร เป็นเจ้าของ ถูกเจ้าหน้าที่แจ้งความและเข้าจับกุมดำเนินคดีฐานบุกรุกพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติ
ต่อมาศาลชั้นต้นได้ตัดสินจำคุกทั้งสองคน คนละ 1 ปี ปรับคนละ 75,000 บาท แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ และให้จำเลย พร้อมคนงานหรือบริวาร ออกจากพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติ
จากนั้นนายศักดาและนางปราณี ได้ต่อสู้คดีโดยยื่นอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ทั้งสองจึงไปร้องต่อศาลฎีกา กระทั่งศาลฎีกามีคำสั่งยกฎีกาของผู้ร้อง นอกจากนี้ ทั้งสองยังไปร้องต่อศาลปกครอง เพื่อขอคุ้มครองการรื้อถอน แต่ศาลปกครองมีคำสั่งไม่คุ้มครองได้