ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - “ชาวสวนดอกรักประชาธิปไตย” แถลงการณ์ พร้อมรายชื่อ 488 แพทย์-พยาบาล-บุคลากรทางการแพทย์ ประณามโจรร้ายสังหารประชาชนที่ร่วมชุมนุม พร้อมสนับสนุนประธานวุฒิสภาเร่งสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ จี้ต่อมสำนึก ครม.ลาออกแสดงความรับผิดชอบ กระทุ้งหน่วยงานความมั่นคงจัดการกับกองกำลังติดอาวุธที่สนับสนุนรัฐบาลตระเวนก่อการร้าย
ช่วงเที่ยงวันนี้ (16 พ.ค.) ที่บริเวณใต้อาคารสุจิณโณ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ กลุ่มแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ประมาณ 100 คน ในนามกลุ่มชาวสวนดอกรักประชาธิปไตย รวมตัวกันอ่านแถลงการณ์ของกลุ่ม ประณามการสังหารประชาชน และสนับสนุนให้ประธานวุฒิสภาสรรหานายกรัฐมนตรีโดยเร็ว
โดยมีศาสตราจารย์นายแพทย์กำพล กลั่นกลิ่น ศาสตราจารย์เกียรติคุณ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นผู้อ่านแถลงการณ์
ทั้งนี้ แถลงการณ์ระบุว่า สถานการณ์ของประเทศไทยในขณะนี้อยู่ในภาวะที่ไม่มีนายกรัฐมนตรีบริหารราชการแผ่นดิน เนื่องจากนายกรัฐมนตรีได้กระทำความผิดมากมายและต่อเนื่อง จนทำให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเป็นเอกฉันท์ ให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีหลายคนสิ้นสุดลง รวมทั้ง ป.ป.ช.ก็มีมติเป็นเอกฉันท์ ชี้มูลให้ถอดถอนนายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่งด้วย
แต่คณะรัฐบาลกลับไม่มีจริยธรรมทางการเมือง ยังพยายามทุกวิถีทางที่จะอยู่ในอำนาจบริหารต่อไป โดยไม่สนใจว่าบ้านเมืองจะประสบปัญหารุนแรง ทั้งทางเศรษฐกิจและสังคมแต่อย่างใด รวมทั้งล่าสุดมีกองกำลังติดอาวุธที่มีพฤติการณ์สนับสนุนรัฐบาลอย่างชัดเจน ได้ใช้อาวุธสงครามทำร้ายประชาชนที่มาชุมนุมโดยสันติ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัสจำนวนมาก โดยที่รัฐบาลไม่ได้แสดงความรับผิดชอบใดๆ
ทั้งนี้ ชาวสวนดอกรักประชาธิปไตย ประกอบด้วย แพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ และศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งได้ร่วมกันลงชื่อ 488 คน ขอประณามการใช้ความรุนแรงต่อประชาชน ที่ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมโดยปราศจากอาวุธ ตามสิทธิเสรีภาพที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และขอเรียกร้องดังนี้
1. ขอให้รัฐมนตรีทุกคนลาออกจากตำแหน่งในทันที เพื่อแสดงความรับผิดชอบ 2. ขอให้ฝ่ายความมั่นคงเข้ามาจัดการกับกองกำลังโจรก่อการร้ายอย่างเด็ดขาด 3. ขอให้ประธานวุฒิสภาเร่งดำเนินการให้มีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ตามมาตรา 180 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยโดยเร็ว และ 4. ขอให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ประกาศนโยบายเร่งด่วนแห่งชาติ ในการดำเนินการปฏิรูปประเทศในทุกด้านให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ต่อจากนั้นจึงให้มีการเลือกตั้งทั่วไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่ได้รับการปรับปรุงแล้ว
