หนุ่มอ้วนลูกครึ่งวัย 37 ปี ป่วยเป็นโรคอ้วนน้ำหนักกว่า 200 กก. วอนช่วยรักษา

ตราด - หนุ่มอ้วนลูกครึ่งวัย 37 ปี ป่วยเป็นโรคอ้วน หนักกว่า 200 กิโลกรัม ขาบวมเดินไม่ได้ วอนแพทย์ช่วยเหลือให้หายใช้ชีวิตเป็นปกติเหมือนเดิม

จากการที่มีได้มีผู้ใช้ชื่อเฟซบุ๊กว่า “ทำวันนี้ ให้ดีที่สุด” แท็กภาพ และข้อความระบุว่า “ต้องการความช่วยเหลือ (ด่วน) ชื่อ นายนาท อายุ 37 ปี เป็นโรคอ้วน น้ำหนักเกือบ 200 กิโล พื้นเพเป็นคนกรุงเทพฯ ได้มาเช่าบ้านที่เกาะช้าง ขณะนี้ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ทางบ้านได้ส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลตราด หากเพื่อนๆ พี่ๆ คนใดสามารถช่วยเหลือ และติดต่อกับศูนย์ความช่วยเหลือ หรือสถานที่ใดๆ ได้โปรดติดต่อบอกด้วยนะค่ะ ขอคำแนะนำ ขอบคุณมากๆๆ ช่วยๆ กันนะ โทร.08-0827-5682 คุณนาท โดยตรงค่ะ”

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลตราด เพื่อขอทราบรายละเอียดพบว่า คนไข้รายดังกล่าวชื่อนายสังคมนาถ ไมลส์ อายุ 37 ปี เป็นหนุ่มลูกครึ่ง น้ำหนักตัวมากกว่า 200 กิโลกรัม มาจาก อ.เกาะช้าง จ.ตราด มารับการรักษาโดยมีแพทย์หญิงกาญจนา ศรีสุวรรณจิตต์ เป็นเจ้าของไข้

นายสังคมนาถ กล่าวว่า พื้นเพตนเป็นคนกรุงเทพฯ ย้ายมาอยู่เกาะช้างเมื่อ 12 ปีที่แล้ว เริ่มแรกเป็นพนักงานฝ่ายซักรีดที่โรงแรมอัยยะปุระ และออกมาเป็นเชฟโรงแรม 2 แห่ง จากนั้นได้ลาออกมาทำร้านอาหารเอง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากช่วงนั้นนักท่องเที่ยวน้อย จึงหยุดกิจการ แล้วหางานประจำทำ โดยเช่าบ้านอยู่บนเกาะช้างกับป้า ซึ่งน้ำหนักตอนนั้นมากกว่า 100 กิโลกรัมแล้ว แต่ก็สามารถใช้ชีวิตปกติได้ ขับรถจักรยานยนต์ได้

“เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาเคยชั่งน้ำหนักได้ 180-190 กิโลกรัม จากนั้นมาก็ไม่เคยชั่งอีกเลย กระทั่งเมื่อปลายเดือนเมษายน ได้เกิดอาการขาข้างซ้ายบวม และปวดมาก ทำให้เดินไม่ได้ จนป้าต้องพาเดินทางข้ามเกาะช้างมารักษาตัวที่โรงพยาบาลตราด ซึ่งหมอรักษาอาการขาบวมจนหาย แต่ก็ยังมีปวดบ้างเป็นบางครั้ง”

นายสังคมนาถ กล่าวว่า ตอนนี้ลำบากมากที่ไม่สามารถเดิน หรือยืนได้ด้วยตัวเอง แม้แต่ขึ้นตราชั่งก็ยังไม่ได้ แต่คาดว่าน้ำหนักตัวเองน่าจะอยู่ที่ 230 กิโลกรัมแล้ว ตอนนี้อยากให้หมอรักษาให้หายเป็นปกติเหมือนเดิม จะได้ประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเอง และป้าได้

ด้านแพทย์หญิงกาญจนา กล่าวว่า นายสังคมนาถ มารักษาตัวเนื่องจากอาการขาบวม ปวด และทำให้เดิน หรือยืนไม่ได้ จากการตรวจร่างกายแล้วพบว่าคนไข้เป็นโรคความดันโลหิตสูง และรับยาชื่อว่า Amlodipine ซึ่งตัวยานี้น่าจะมีผลกระทบทำให้ขาบวม จึงเปลี่ยนตัวยาให้ใหม่ เป็น Enalapril ซึ่งก็ได้ผล คนไข้ขาหายบวม แต่ยังมีอาการปวดอยู่บ้างเป็นบางครั้ง ซึ่งขั้นตอนในการรักษาต้องส่งให้แพทย์เฉพาะทางที่โรงพยาบาลพระปกเกล้า ซึ่งขณะนี้ทางโรงพยาบาลได้ทำเรื่องส่งไปแล้ว รอการตอบรับกลับมาเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ได้มีการประสานกับฝ่ายดูแลโรคอ้วนของโรงพยาบาลตราด ว่า ควรจะมีขั้นตอนในการดูแลอย่างไรบ้าง ซึ่งได้รับการแจ้งว่าให้คนไข้มาพบแพทย์ทุกวันพุธ เพื่อทำกิจกรรมลดความอ้วน แต่ญาติคนไข้แ ละตัวคนไข้ไม่สะดวกต่อการเดินทางมาทุกสัปดาห์