เชียงราย - ชาวบ้านในพื้นที่แผ่นดินไหวยังผวา หลังมีทรายเดือดพุ่งทะลุกลางบ้าน-พื้นดินรอบที่อยู่อาศัย ขณะที่นักวิชาการระบุเป็นเรื่องปกติ ยันดูแล้วทรายพุ่งน้อย ไม่เกิดโพรงใต้ดินจนยุบตัวเพิ่มแน่
วันนี้ (9 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เชียงรายเมื่อวันที่ 5 พ.ค. 57 ที่ผ่านมา ที่ยังคงมีอาฟเตอร์ช็อกต่อเนื่องจนถึงวันนี้ ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่รอบรัศมีศูนย์กลางแผ่นดินใหม่ ซึ่งอยู่ที่ ต.ทรายขาว อ.พาน จ.เชียงราย หวาดผวาไม่หาย
โดยเฉพาะพื้นที่ อ.แม่ลาว อ.พาน อ.ป่าแดด อ.แม่สรวย ที่ระหว่างแผ่นดินไหวมีน้ำร้อนปนดินทรายละเอียด และกลิ่นกำมะถัน พวยพุ่งออกมาจากใต้พื้นดินหลายจุด บางจุดเกิดขึ้นนอกชุมชน บางจุดเกิดกลางบ้านเรือนของประชาชน
เช่น บ้านเลขที่ 46 บ้านสันกันแฮ้ว ม.4 ต.จอมหมอกแก้ว อ.แม่ลาว ของนายสมนึก วรรณา ที่มีน้ำพุร้อนพุ่งทะลุออกกลางตัวบ้านใต้ถุนยกสูง พื้นปูคอนกรีตและกระเบื้อง, บ้านเลขที่ 120 บ้านห้วยหวาย ต.ดงมะดะ อ.แม่ลาว ของนางอารี ปรีชา เกิดน้ำพุ และทรายละเอียด พุ่งขึ้นมาจากพื้นดินบริเวณใกล้ตัวบ้านถึง 3 จุด จนปรากฏเป็นรู และทรายละเอียดกระจายทั่วบริเวณ รวมทั้งยังทำให้บ่อน้ำตื้นที่ชาวบ้านใช้อุปโภคบริโภคมานานแห้งจนหมดบ่อ
นายสมนึกกล่าวว่า โชคดีช่วงเกิดเหตุไม่มีใครอยู่ใต้ถุนบ้าน เนื่องจากน้ำพุพุ่งทะลุคอนกรีตใต้บ้าน ซึ่งตามปกติจะมีลูกหลานนอนอยู่พอดี หากว่ามีคนอยู่บริเวณดังกล่าวคงได้รับอันตรายแน่นอน เพราะน้ำพุ่งแรงมากจนทำให้คอนกรีต และกระเบื้องกระเด็นขึ้น ส่วนระดับน้ำพุ่งสูงประมาณเอวถึงอกอยู่พักใหญ่ก่อนจะหยุดลง ทิ้งความเสียหายให้พื้นบ้าน
นายสมนึกบอกว่า ตอนนี้กำลังกังวลว่าจะมีโพรงใหญ่อยู่ใต้บ้าน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ช่วยเข้าไปตรวจสอบแล้วแนะนำให้ฉีดน้ำลงไปในหลุมมากๆ หากเกิดการยุบตัวลงก็แสดงว่า เกิดโพรง ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อตัวบ้านจนอาจทำให้ต้องย้ายบ้านออกไปจากจุดเดิม แต่หากไม่มีการยุบตัวก็แสดงว่าชั้นดินยังแข็งแรงอยู่ ก็สามารถอาศัยอยู่ได้ต่อไป แต่ก็คงต้องรื้อพื้นและเทพื้นปูกระเบื้องกันใหม่
ด้านนายสมใจ เย็นสบาย ผอ.ส่วนธรณีภัยพิบัติ กรมทรัพยากรธรณี กล่าวว่า กรณีเกิดน้ำพวยพุ่งออกมาจากใต้ดินขณะแผ่นดินไหวถือเป็นเรื่องปกติที่เคยเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ทั้งเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศพม่าเมื่อปี 2554 หรือสถานที่อื่นๆ ก็ล้วนเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้
ส่วนสาเหตุที่มีทรายละเอียดหรือตะกอนต่างๆ ไหลออกมาด้วยเพราะมีการสะสมที่ชั้นใต้ดินดังกล่าวมานาน เมื่อมีรอยแยกก็ย่อมทำให้พวยพุ่งออกมาพร้อมกับน้ำ
“เมื่อเหตุการณ์สงบแล้วก็จะมีการปรับตัวของหน้าดินเอง ไม่ต้องตื่นตระหนกกับปรากฏการณ์ดังกล่าว เช่นเดียวกับน้ำผิวดินที่แห้งจนไม่เหลือติดก้นบ่อ เชื่อว่าเมื่อมีการปรับตัวของชั้นดินก็จะมีน้ำกลับมาตามปกติ”
ด้าน รศ.ชูโชค อายุพงศ์ หัวหน้าภาควิศวกรรมศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งลงสำรวจพื้นที่ กล่าวว่า ทรายละเอียดที่ไหลออกมาจากรูน้ำเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในช่วงแผ่นดินไหว เรียกกันว่า “ทรายเดือด” ซึ่งหากพวยพุ่งจากพื้นดินมากก็จะทำให้เกิดโพรงใต้ดินที่เป็นสาเหตุของแผ่นดินทรุดตัวได้อีก แต่จากการตรวจปริมาณทรายในพื้นที่แล้ว 2 จุดไม่พบมีปริมาณมากพอที่จะทำให้เสียหายหนักได้
