ตราด - เอกอัครราชทูตไทยกรุงพนมเปญชี้กัมพูชาน่าลงทุน สำหรับไทยความขัดแย้งทางการเมืองไทยรัฐบาลกัมพูชามองเป็นเรื่องปกติ เชื่อประเทศและประชาชนทั้งสองประเทศเดินสู่ประตูอาเซียนไปด้วยกัน
นายธัชชยุติ ภักดี เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา กล่าวถึงการลงทุนของนักลงทุนในกัมพูชาก่อนเข้าสู่เออีซี ว่า สถานการณ์การเมืองและความสัมพันธ์ของประเทศไทยและประเทศกัมพูชา และรัฐบาล 2 ประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีมากและทัศนคติของชาวกัมพูชาที่มีต่อไทยดีขึ้น สินค้าไทยที่เข้าไปจำหน่ายในกัมพูชาเป็นที่ต้องการมากเพราะสินค้าจากไทยมี คุณภาพดี และราคายุติธรรม
แต่ปัจจุบันนักลงทุนของไทยไปลงทุนที่กัมพูชาตกลงมาเป็นอันดับที่ 6 รองจากจีน ญี่ปุ่น เวียดนาม เกาหลีใต้ มาเลเซีย สิงคโปร์ เนื่องจากเคยมีปัญหาช่วงชาวกัมพูชาเผาสถานทูตไทย ทำให้นักลงทุนไทยไม่มั่นใจ
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีนักลงทุนไทย เช่น กลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์ กลุ่มปูนซิเมนต์ไทย กลุ่มอุตสาหกรรมน้ำตาล กลุ่มโรงงานทอผ้า และตัดเย็บเสื้อผ้า ขณะที่สินค้าจากประเทศไทยเข้าไปจำหน่ายในกัมพูชาสูงมากในแต่ละปี คือไทยส่งสินค้าไปปีละ 4.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่ไทยนำเข้าสินค้า 3.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้ไทยได้ดุลการค้าจำนวนมหาศาล
“รัฐมนตรีการค้าและลงทุนบอกขอให้นักลงทุนไทยเข้าไปลงทุนในกัมพูชามากขึ้น และยืนยันว่า ชาวกัมพูชามีทัศนคติกับชาวไทยดีขึ้น ไม่น่ามีปัญหาใดๆ แล้ว อีกทั้งค่าแรงงานในกัมพูชาถูกเพียงเดือนละ 100 เหรียญ/เดือนเท่านั้น แม้ในขณะแรงงานกัมพูชาจะขอขึ้นมาเป็น 160 เหรียญ แต่รัฐบาลกัมพูชาจะขึ้นให้ในปี 2560
ส่วนสถานการณ์การเมืองในกัมพูชาไม่ได้มีความรุนแรงเพียงแต่อยู่ระหว่างการเจรจาต่อรองกันเท่านั้น แต่รัฐบาลฮุนเซนยังมีความได้เปรียบอยู่ ทั้งนี้ ชาวกัมพูชาและในระดับรัฐบาลไม่มีปัญหา เพราะความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศดีมาก แม้ในขณะนี้ประเทศไทยจะมีความขัดแย้งทางการเมือง แต่รัฐบาลกัมพูชามองเป็นเรื่องปกติและไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวใดๆ”
นายธัชชยุติ กล่าวอีกว่า ทั้งสองประเทศกำลังเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งประเทศและประชาชนทั้งสองประเทศต้องเดินไปด้วยกัน มองไปแล้วประชาชนทั้งสองประเทศไปได้มาจากไหนมีถิ่นฐานร่วมกัน จะให้หนีไปไหนไม่ได้อีกแล้ว การมาดำรงที่กัมพูชา 1.6 ปี สบายใจมากและมีความสัมพันธ์ที่ดี นักธุรกิจไทยในหลายจังหวัดที่เดินทางไปแสดงสินค้าในกัมพูชาได้รับการตอบรับที่ดี และขายสินค้าได้หมด ปัญหาที่ผ่านมาไม่น่าจะเกิดขึ้นอีกแล้ว
นายธัชชยุติ ภักดี เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา กล่าวถึงการลงทุนของนักลงทุนในกัมพูชาก่อนเข้าสู่เออีซี ว่า สถานการณ์การเมืองและความสัมพันธ์ของประเทศไทยและประเทศกัมพูชา และรัฐบาล 2 ประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีมากและทัศนคติของชาวกัมพูชาที่มีต่อไทยดีขึ้น สินค้าไทยที่เข้าไปจำหน่ายในกัมพูชาเป็นที่ต้องการมากเพราะสินค้าจากไทยมี คุณภาพดี และราคายุติธรรม
แต่ปัจจุบันนักลงทุนของไทยไปลงทุนที่กัมพูชาตกลงมาเป็นอันดับที่ 6 รองจากจีน ญี่ปุ่น เวียดนาม เกาหลีใต้ มาเลเซีย สิงคโปร์ เนื่องจากเคยมีปัญหาช่วงชาวกัมพูชาเผาสถานทูตไทย ทำให้นักลงทุนไทยไม่มั่นใจ
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีนักลงทุนไทย เช่น กลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์ กลุ่มปูนซิเมนต์ไทย กลุ่มอุตสาหกรรมน้ำตาล กลุ่มโรงงานทอผ้า และตัดเย็บเสื้อผ้า ขณะที่สินค้าจากประเทศไทยเข้าไปจำหน่ายในกัมพูชาสูงมากในแต่ละปี คือไทยส่งสินค้าไปปีละ 4.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่ไทยนำเข้าสินค้า 3.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้ไทยได้ดุลการค้าจำนวนมหาศาล
“รัฐมนตรีการค้าและลงทุนบอกขอให้นักลงทุนไทยเข้าไปลงทุนในกัมพูชามากขึ้น และยืนยันว่า ชาวกัมพูชามีทัศนคติกับชาวไทยดีขึ้น ไม่น่ามีปัญหาใดๆ แล้ว อีกทั้งค่าแรงงานในกัมพูชาถูกเพียงเดือนละ 100 เหรียญ/เดือนเท่านั้น แม้ในขณะแรงงานกัมพูชาจะขอขึ้นมาเป็น 160 เหรียญ แต่รัฐบาลกัมพูชาจะขึ้นให้ในปี 2560
ส่วนสถานการณ์การเมืองในกัมพูชาไม่ได้มีความรุนแรงเพียงแต่อยู่ระหว่างการเจรจาต่อรองกันเท่านั้น แต่รัฐบาลฮุนเซนยังมีความได้เปรียบอยู่ ทั้งนี้ ชาวกัมพูชาและในระดับรัฐบาลไม่มีปัญหา เพราะความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศดีมาก แม้ในขณะนี้ประเทศไทยจะมีความขัดแย้งทางการเมือง แต่รัฐบาลกัมพูชามองเป็นเรื่องปกติและไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวใดๆ”
นายธัชชยุติ กล่าวอีกว่า ทั้งสองประเทศกำลังเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งประเทศและประชาชนทั้งสองประเทศต้องเดินไปด้วยกัน มองไปแล้วประชาชนทั้งสองประเทศไปได้มาจากไหนมีถิ่นฐานร่วมกัน จะให้หนีไปไหนไม่ได้อีกแล้ว การมาดำรงที่กัมพูชา 1.6 ปี สบายใจมากและมีความสัมพันธ์ที่ดี นักธุรกิจไทยในหลายจังหวัดที่เดินทางไปแสดงสินค้าในกัมพูชาได้รับการตอบรับที่ดี และขายสินค้าได้หมด ปัญหาที่ผ่านมาไม่น่าจะเกิดขึ้นอีกแล้ว
