“เกศรา” เผยกฎอัยการศึกไม่กระทบทุนไทย-หุ้นไทยโดดเด่น

ผู้จัดการตลาดหุ้นไทยเผย Thailand Focus นักลงทุนต่างชาติยังสนใจหุ้นไทยต่อเนื่อง ชี้ คสช.ประกาศกฎอัยการศึกไม่กระทบความเชื่อมั่น เพราะนักลงทุนต่างประเทศส่วนใหญ่จะพิจารณาจากผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนเป็นหลัก ส่วนกรณีหุ้นเล็กราคาพุ่งสูงผิดปกติตลาดมีมาตรการรับมือทั้งระยะสั้นและระยะยาว

นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า นักลงทุนและฟันด์ เมเนเจอร์ที่มาร่วมงานไทยแลนด์ โฟกัส ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่คุ้นเคยกับการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยและภูมิภาคใกล้เคียง เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ และตลาดหุ้นเกิดใหม่ในกลุ่ม TIP ซึ่งจะเน้นการลงทุนในบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ และมีความเก่าแก่อยู่ในตลาดหุ้นมานาน แต่ในระยะหลังเริ่มมีการเข้ามาลงทุนในบริษัทจดทะเบียนที่มีขนาดเล็กและเพิ่งจะเข้ามาจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นเพิ่มมากขึ้น ซึ่งตลาดหุ้นพยายามที่จะให้ข้อมูลการลงทุนกับนักลงทุนต่างประเทศใหม่มากที่สุด

อย่างไรก็ดี ในขณะนี้ที่ค่า P/E ตลาดหุ้นไทยเริ่มปรับตัวสูงขึ้น ตลาดหุ้นได้มีความพยายามในการให้ข้อมูลรายละเอียดในการลงทุน ที่มีความแตกต่างจากสมัยก่อน จากที่ตลาดหุ้นไทยมีส่วนลดเยอะเพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น แต่ขณะนี้ตลาดฯ มีศักยภาพเทียบเท่ากับตลาดหุ้นอื่นๆ และมีความได้เปรียบตลาดหุ้นเอเซียอื่น เนื่องจากมีบริษัทจดทะเบียนที่มีความหลากหลายสะท้อนความเป็นอุตสาหกรรมของไทย เช่น อุตสาหกรรมน้ำตาลทรายครบวงจรทั้งต้นน้ำและปลายน้ำ หุ้นกลุ่มพลังงานทดแทนที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และหุ้นกลุ่มธนาคารซึ่งมีผลประกอบการดีกว่าหากเทียบกับหุ้นกลุ่มธนาคารของประเทศอื่น
 
ทั้งนี้ในส่วนของการประกาศกฎอัยการศึกของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่า จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นการลงทุนในตลาดหุ้นไทยนั้น ในความเป็นจริงนักลงทุนต่างประเทศส่วนใหญ่ไม่กังวลมากนักถึงผลกระทบที่จะได้รับต่อทิศทางการลงทุน แต่จะกระทบในส่วนของการเดินทางเท่านั้น ซึ่งนักลงทุนต่างประเทศในปัจจุบันไม่ได้พิจารณาปัจจัยหลักในเรื่องกฎอัยการศึกที่จะเลี่ยงการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยนักลงทุนต่างประเทศส่วนใหญ่จะพิจารณาจากผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนเป็นหลัก สะท้อนจากดัชนีราคาตลาดหุ้นและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนเป็นหลัก
 
“กรณีที่หุ้นขนาดเล็กที่มีราคาถูก มีการแกว่งตัวผันผวนรุนแรง และปรับตัวสูงขึ้นผิดปกติ ตลาดหุ้นไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะมีมาตรการอยู่แล้ว 2 ระดับ โดยในระยะสั้นจะพักการซื้อขาย เพื่อให้บริษัทจดทะเบียนนั้นส่งเอกสารชี้แจงผลการดำเนินการมาอย่างละเอียด และระยะยาว คือ การพิจารณาเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ หากตรวจสอบหลักฐานข้อเท็จจริงแล้ว”