สุโขทัย/พิจิตร - องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเมืองชาละวันแห่ถอนเงินสะสมนำฝาก ธ.ก.ส.หนุนกองทุนช่วยเหลือชาวนา ที่ยังตั้งตารอเงินจำนำข้าวจากรัฐบาล ขณะที่ ผอ.ธ.ก.ส.สุโขทัยรับวันนี้ชาวนาในพื้นที่ยังไม่ได้เงินเกือบ 3 หมื่นราย บอกจ่ายแล้วไม่ถึงครึ่ง
นายสยาม สือพัฒธิมา ผู้อำนวยการสำนักงาน ธ.ก.ส.จังหวัดสุโขทัย เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการจ่ายเงินจำนำข้าวเปลือกปี 2556/57 ให้ชาวนาว่า ปัจจุบัน ธ.ก.ส.จังหวัดสุโขทัยได้จ่ายเงินตามโครงการแก่เกษตรกรชาวสุโขทัยแล้วจำนวน 19,486 ราย เป็นเงิน 2,478 ล้านบาท แต่ยังคงเหลือเกษตรกรที่ยังไม่ได้รับเงินอีก 29,081 ราย รวมเป็นเงิน 3,112 ล้านบาท
สำหรับเงินกองทุนของจังหวัดสุโขทัยทั้ง 3 กองทุนมีทั้งสิ้น 20.43 ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้รับเงินจากกองทุนมาจ่ายให้เกษตรกรชาวสุโขทัยแล้วอีก 71 ล้านบาท จากภาพรวมทั้งประเทศที่มี 8,276 ล้านบาท จึงขอเชิญชวนให้คนไทยรวมน้ำใจช่วยเหลือชาวนาได้ทั้ง 3 รูปแบบ ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 30 มิ.ย. 57 ที่ ธ.ก.ส.ทุกสาขาทั่วประเทศ
โดยในการพยายามระดมเงินฝากกองทุนช่วยเหลือชาวนาที่ยังไม่ได้รับเงินตามนโยบายจำนำข้าวของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กว่า 93,000 ล้านบาท ของ ธ.ก.ส.ที่ยังคงดำเนินการต่อเนื่องจนถึงขณะนี้นั้น ล่าสุดกรมบัญชีกลางได้ไฟเขียวให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนำเงินสะสมฝากกับ ธ.ก.ส.ด้วย
ล่าสุด นายสุรพงศ์ นิลพันธุ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธ.ก.ส. และนายขวัญชัย เกิดขันหมาก ผอ.ธ.ก.ส.พิจิตร ระบุว่า ถ้า อบต.หรือท้องถิ่นใดเอาเงินสะสมที่อาจไม่ได้ใช้ ซึ่งกองอยู่เฉยๆ ในธนาคารพาณิชย์ทั่วไป ฝากในโครงการ “กองทุนช่วยเหลือชาวนา” ก็เท่ากับเป็นการช่วยเหลือชาวนาในจังหวัดของตนอีกด้วย ซึ่งชาวนาพิจิตรที่จำนำข้าว มีมากถึง 60,050 ราย
แต่ได้รับเงินมาแล้วเพียง 26,334 ราย ยังคงค้างจ่ายอยู่อีก 33,716 ราย คิดเป็นเงิน 5,993 ล้านบาท จึงเป็นเหตุผลที่ท้องถิ่นต่างๆ ในพิจิตรจะต้องออกมาช่วยกันฝากเงินตามโครงการดังกล่าว
นายก อบต.และนายกเทศบาลหลายแห่งที่นำเงินสะสมของ อบต.และเทศบาลมาฝาก ธ.ก.ส.พิจิตร เมื่อวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา ระบุว่าที่ถอนเงินจากธนาคารที่ฝากประจำอยู่แล้วย้ายมาฝาก ธ.ก.ส.พิจิตรก็เพราะมีหนังสือจากกรมบัญชีกลางเห็นชอบให้สามารถเอาเงินมาฝากได้โดยไม่ผิดระเบียบ และได้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยเงินฝากร้อยละ 0.63 บาทต่อปี
และหากมีเหตุภัยพิบัติ เหตุฉุกเฉินในท้องถิ่นก็สามารถจะเบิกถอนเงินไปใช้ได้ทันที ไม่มีผลผูกมัดใดๆ ซึ่งคาดว่าทั้ง อบต.และเทศบาลในจังหวัดพิจิตรที่มี 101 แห่ง จะสามารถระดมเงินฝากได้ไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาทอย่างแน่นอน
ด้านภาคเอกชนในพื้นที่ก็ร่วมระดมเงินเข้าฝาก ธ.ก.ส.พิจิตรต่อเนื่องเช่นกัน เช่น นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ อดีต รมช.คลัง นำเงินจำนวน 10 ล้านบาทฝากที่ ธ.ก.ส.พิจิตร และฝากที่ ธ.ก.ส.กรุงเทพฯ อีก 10 ล้านบาท ในนามบัญชีของ บริษัท ไทยแอ๊กโกร เอ็กซเชนจ์ จำกัด (ตลาดไท), บริษัท ทั่งทอง อะไหล่ยนต์ สากเหล็ก ซึ่งขายเครื่องจักรกลทางการเกษตร ฝาก 5 ล้านบาท, นายบรรจง ตั้งจิตรวัฒนกูล เจ้าของโรงสีร่วมเจริญ 2 ให้ตัวแทนนำเงินมาฝาก 10 ล้านบาท เป็นต้น