ระทม พายุลูกเห็บถล่มลิ้นจี่เชียงรายร่วงหล่นเสียหายยกสวน

เชียงราย - ชาวสวนลิ้นจี่เชียงรายบ่นอุบหลังเจอพายุลูกเห็บถล่มบ่อยครั้งจนทำให้ผลผลิตลิ้นจี่ร่วงหล่นเกลื่อนสวน เสียหายทั้งสวน แต่ไร่สัปปะรดได้เฮผลผลิตออกดีทั้งปี

รายงานข่าวจาก จ.เชียงรายแจ้งว่า ในปัจจุบันเป็นช่วงต้นของฤดูกาลเก็บผลผลิตลิ้นจี่และสับปะรดซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีชื่อเสียงของ จ.เชียงราย ซึ่งในส่วนของสับปะรดที่มีการปลูกกันมากในท้องที่ ต.นางแล และ ต.บ้านดู่ อ.เมือง นั้นพบว่าให้ผลผลิตได้ดีตลอดทั้งปีโดยเฉพาะพันธุ์นางแลน้ำหนึ่งซึ่งจะให้ผลผลิตตั้งแต่เดือน เม.ย.-มิ.ย.นี้พบว่ามีราคาที่หน้าสวนกิโลกรัมละ 12 บาท และหากส่งออกไปต่างประเทศจะมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 17 บาท

อย่างไรก็ตาม พืชเศรษฐกิจในท้องที่เดียวกันที่ประสบปัญหาอย่างหนักจนผลผลิตจะมีน้อยลงกว่าปีก่อนๆ ได้แก่ลิ้นจี่ เนื่องจากช่วงต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมาถูกพายุลูกเห็บกระหน่ำจนหลายรายแทบไม่เหลือช่อและผลเล็กติดลำต้นเลย

นายเฉลิมพล กันติ๊บ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนลิ้นจี่ขุนน้ำนางแล 07 อ.เมือง จ.เชียงราย กล่าวว่า ในปีนี้ผลผลิตลิ้นจี่ของสมาชิกเกินกว่าครึ่งหนึ่งถูกพายุลูกเห็บพัดกระหน่ำจนหลายรายผลผลิตเสียหายยกสวนหรือกว่า 100% จนแทบเรียกได้ว่าไม่สามารถเก็บผลผลิตได้เลย

ส่วนที่พอมีเหลืออยู่บ้างก็พบว่าลูกเห็บได้ทำให้ผลเล็กที่ติดช่อช้ำ และเมื่อเวลาผ่านไปได้ระยะหนึ่งกลับร่วงหล่นลงมาเป็นจำนวนมาก

สำหรับสวนของตนปลูกลิ้นจี่เอาไว้จำนวนประมาณ 3 ไร่ ปีหนึ่งเก็บได้ประมาณ 3 ตันแต่ปีนี้แทบไม่มีความหวังอยู่เลย จึงต้องรอเก็บผลผลิตในฤดูกาลถัดไปดีกว่าเนื่องจากผลเล็กที่ยังเหลืออยู่พากันร่วงหล่นลงมาเต็มพื้น

นายเฉลิมพลกล่าวอีกว่า สมาชิกของเรามีพื้นที่ปลูกลิ้นจี่รวมกันประมาณ 1,000 ไร่ และที่ผ่านมาสามารถเก็บผลผลิตได้กว่า 3,000 ตันต่อฤดูกาล ซึ่งในช่วงต้นฤดูกาลพบว่าลิ้นจี่ติดผลดีมากเนื่องจากตามปกติจะให้ผลผลิตมากปีเว้นปี

โดยปี 2555 ให้ผลผลิตมาก และถัดมาเมื่อปีกลายให้ผลผลิตน้อย แต่ราคาก็ดีมากในช่วง 2 ปีหลังมานี้เพราะมีการกระจายผลผลิตและผู้คนนิยมบริโภคกันมาก เนื่องจากปีหนึ่งจะเก็บผลผลิตได้แค่ 2 เดือน คือราวเดือน พ.ค.-มิ.ย.ของทุกปี

ดังนั้น ปีนี้บรรดาสมาชิกรวมทั้งชาวสวนทั่วไปจึงพากันโหมบำรุงด้วยวิธีการต่างๆ เช่น ซื้อปุ๋ยใส่กระสอบละ 880 บาท รดน้ำ ฯลฯ ทำให้เสียต้นทุนเป็นจำนวนมากไปตามๆ กัน แต่ปรากฏว่าเมื่อถูกพายุลูกเห็บพัดกระหน่ำจนเสียหายยับเยินในครั้งนี้ก็หวังเพียงจะได้ต้นทุนคืนก็คงจะเพียงพอแล้ว

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า สำหรับพื้นที่ จ.เชียงรายมีการปลูกลิ้นจี่รวมกันประมาณ 32,000 ไร่ มีผลผลิตออกสู่ตลาดรวมกันประมาณ 20,000 ตัน และช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาผลผลิตให้ราคาดี โดยพันธุ์ฮงฮวยให้ราคาที่สวนกิโลกรัมละประมาณ 30-40 บาท พันธุ์โอเฮียะและจักรพรรดิกิโลกรัมละประมาณ 80-120 บาท แต่เมื่อนำไปจำหน่ายปลีกจะมีราคาสูงกว่านี้ จึงทำให้เป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ให้เกษตรกรเป็นจำนวนมาก