เชียงราย - เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ร่วมกับฝ่ายปกครอง ถือคำตัดสินศาลนำหน้าลุยตัดสวนยางพารานายทุนปักษ์ใต้รุกป่าสงวนแห่งชาติฯ ทิ้ง ก่อนฟื้นฟูสภาพให้เป็นป่าสมบูรณ์ต่อ
นายสมศักดิ์ เจียมสงวนพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 (เชียงราย), นายทนงศักดิ์ ธรรมโม ผอ.ส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 (เชียงราย) ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าทุกหน่วยในพื้นที่รับผิดชอบป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ปูนน้อย, ป่าแม่ปูนหลวง และป่าห้วยโป่งเหม็น ร่วมกับฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ต.ป่างิ้ว อ.เวียงป่าเป้า เข้าทำการรื้อถอนต้นยางพาราที่มีการปลูกรุกป่าสงวนแห่งชาติฯ เขตหมู่บ้านขุนเมืองงาม ม.11 ต.ป่างิ้ว อ.เวียงป่าเป้า เนื้อที่จำนวน 29 ไร่ 1 งาน 6 ตารางวา เมื่อวานนี้ (24 เม.ย.)
โดยเป็นการปฏิบัติตามมาตรการบังคับทางปกครอง มาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 ที่กำหนดให้ดำเนินการบนพื้นที่แปลงตรวจยึด ดำเนินคดีตาม ปจว.ข้อ 1 เวลา 13.00 น. คดีอาญาที่ 108/2551 ลว. 20 มิ.ย 2551 ซึ่งคดีถึงที่สุดแล้วตามคำพิพากษาศาลจังหวัดเชียงราย หมายเลขแดงที่ 2927/2551
นายทนงศักดิ์กล่าวว่า สวนยางแห่งนี้เป็นคดีตั้งแต่ปี 2551 โดยทางชาวบ้านได้ร้องเรียนเข้าไปว่ามีนายทุนจาก จ.สุราษฎร์ธานีเข้าไปจัดซื้อจัดหาที่ดินกันเองทั้งที่อยู่ในเขตป่า จากนั้นได้แผ้วถางปลูกยางพารา เมื่อเจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้าไปตรวจสอบและมีการดำเนินคดีตามกฎหมาย กระทั่งท้ายที่สุดศาลจึงมีคำพิพากษาว่าเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติฯ เจ้าหน้าที่ก็สามารถเข้าไปรื้อถอนต้นยางพาราที่ปลูกในที่ป่าสงวนแห่งชาติฯ นี้ได้
ทั้งนี้ ในพื้นที่ที่บุกรุกพบว่ามีการปลูกต้นยางพาราอายุกว่า 3 ปีจำนวนหลายพันต้นจนเต็มพื้นที่ซึ่งจำเป็นต้องรื้อถอนออกไป จากนั้นจึงมีการฟื้นฟูเพื่อให้กลับคืนสู่สภาพป่าที่สมบูรณ์ต่อไป
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า สำหรับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติฯ ดังกล่าวมีภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงชันและรอบนอกมีสภาพเป็นป่าที่สมบูรณ์โดยมีไม้หลากหลายชนิด ทั้งยังเป็นต้นน้ำของอ่างเก็บน้ำแม่ฉางข้าวที่หล่อเลี้ยงหลายอำเภอ พื้นที่มีไม้มีค่า เช่น ไม้เต็ง รัง ฯลฯ อายุไม่ต่ำกว่า 50 ปีขึ้นอยู่เต็ม แต่ปรากฏว่ารอบ 10 ปีที่ผ่านมากลับบุกรุกตัดต้นไม้เป็นบริเวณกว้าง
ชาวบ้านระบุว่า ก่อนหน้านี้มีกลุ่มทุนท้องถิ่นร่วมกับกลุ่มทุนจากนอกพื้นที่ทำการซื้อขายกันเองไร่ละ 5,000 บาท จากนั้นได้จ้างชาวบ้านตัดต้นไม้ใหญ่ต้นละ 40 บาท จนเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายต้องผสานกำลังกันเข้าไปยึดคืนหลายครั้ง เชื่อว่ายังเหลือพื้นที่ที่ยังคงเป็นคดีความ และตรวจสอบรอการยึดคืนอยู่อีกมาก