ตรัง - ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ตรัง สั่งคุมเข้มการเผาป่า หลังก่อให้เกิดความเสียหายมาแล้วหลายพื้นที่ พบบางแห่งเป็นฝีมือของนายทุน และชาวบ้านร่วมกันหวังฮุบที่ดินเพื่อนำไปปลูกยางพารา
วันนี้ (17 มี.ค.) นายอำนวย จันทรัฐ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตรัง กล่าวว่า ในช่วงฤดูแล้งของทุกปี ในพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติ เขตห้ามล่าสัตว์ป่า และเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ได้เกิดไฟป่าจนสร้างความเสียหายแก่ทรัพยากรป่าไม้ และสัตว์ป่าเป็นจำนวนมหาศาล ทำให้ภาครัฐต้องสูญเสียงบประมาณในการระดมเจ้าหน้าที่ เครื่องมือ และยานพาหนะ เพื่อระงับไฟป่าเป็นจำนวนมาก
โดยสาเหตุหนึ่งเกิดจากการเผาไร่ ฟางข้าวข้าว วังข้างโพด หญ้า และวัชพืชในดินที่ทำกินของชาวบ้านที่อยู่ใกล้พื้นที่ป่า เพื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูกโดยไม่มีการควบคุม ในที่สุดไฟก็ลุกลามติดเข้าไปในป่าขึ้น
ดังนั้น เพื่อป้องกันมิให้ลดความเสียหายจากไฟป่าดังกล่าว จังหวัดตรัง จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 14, 21, 28 และ 29 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน พ.ศ.2550 ออกประกาศเขตควบคุมไฟป่า จำนวน 5 ข้อ เช่น เมื่อมีความจำเป็นต้องเผาไร่ หรือวัชพืชในที่ดินทำกิน ให้ขออนุญาตจากกำนัน หรือผู้ใหญ่บ้านก่อนที่ดำเนินการทุกครั้ง แต่หากเป็นเหตุให้ไฟลุกลามไหม้ป่า ผู้นั้นจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย และต้องให้ความร่วมมือในการดับไฟป่า
ในกรณีที่ทางราชการร้องขอ ขณะที่ผู้นำท้องถิ่น รวมทั้งนายก และสมาชิกสภา อบต. จะต้องสอดส่องดูแลชาวบ้านในพื้นที่ให้ปฏิบัติตามอย่างเข้มงวด ส่วน นายประภาวิน หยังหลัง หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าตรัง กล่าวว่า ในช่วงหน้าแล้งของปีนี้ ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ร่วมกับฝ่ายปกครอง เข้าไปในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าไส-ป่าแก่ หมู่ที่ 2 ตำบลอ่าวตง อำเภอวังวิเศษ และหมู่ที่ 7 ตำบลกะลาเส อำเภอสิเกา
ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าที่ถูกนายทุน และชาวบ้านลักลอบตัดต้นไม้ พร้อมทั้งจุดไฟเผาตอไม้ จนไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้เกิดไฟป่าเสียหายไปแล้วกว่า 100 ไร่ เพียงเพื่อต้องการใช้เป็นที่ทำกินโดยการปลูกยางพาราเท่านั้น ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สถานีควบคุมไฟป่าตรัง จะประสานงานกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เข้าทำการตรวจสอบเพื่อยึดคืนพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุกต่อไป