รัฐ-เอกชนจับมือเจรจาธุรกิจฯ เมืองมะริด โอกาสการค้าการลงทุนหลังเปิดด่านถาวรสิงขร

ประจวบคีรีขันธ์ - ผู้ว่าฯ ประจวบฯ พาณิชย์จังหวัด จับมือหอการค้าประจวบฯ เจรจาการค้ากับนักธุรกิจพม่า ที่เมืองมะริด ระหว่าง 26-28 มี.ค.โดยเปิดเจรจาในธุรกิจ 6 ประเภท รองรับการยกระดับจุดผ่อนปรนทางการค้าด่านสิงขร ขึ้นเป็นจุดผ่านแดนถาวร แต่ภาคเอกชนสะท้อนถึงปัญหาที่รัฐยังไม่สามารถประกาศเป็นด่านถาวร ขณะที่เส้นทางการคมนาคมระหว่างบ้านมูด่อง-มะริด ที่ยังไม่แล้วเสร็จ เผยเมืองมะริดความเจริญเริ่มเข้ามาทั้งจากการลงทุนสร้างโรงแรมระดับ 4 ดาวของนักธุรกิจชาวไทย และเพิ่งเปิดให้บริการในบางส่วน

เมื่อระหว่างวันที่ 26-28 มี.ค.ที่ผ่านมา นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยนายปราโมทย์ สำเภาเงิน ปลัดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นางวนิดา อรุโณทัย พาณิชย์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยส่วนราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ศุลกากร ตรวจคนเข้าเมือง จัดหางาน ปศุสัตว์ ประมง เกษตร ฯลฯ นายศุรอัฐ ณรงค์ฤทธิ์ ประธานหอการค้าจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยกรรมการหอการค้าจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผู้ประกอบการธุรกิจใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ชุมพร และสุราษฎร์ธานี ได้เดินทางไปเจรจาธุรกิจการค้าและศึกษาดูงานด้านธุรกิจที่เมืองมะริด สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า ณ โรงแรม PERL LAGUNA MYEILE

การเจรจาธุรกิจการค้าระหว่างภาคเอกชนกับภาคเอกชนของเมืองมะริดครั้งนี้ ในส่วนของฝ่ายพม่า มี MR.U HLA THAN ประธานกรรมการหอการค้า และสภาอุตสาหกรรมจังหวัดมะริด พร้อมหัวหน้าส่วนราชการของเมืองมะริด เข้าร่วมเจรจา และได้รับการต้อนรับจาก MR.LWIN KO OO ผู้ว่าราชการจังหวัดมะริด

นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ขณะนี้การผลักดันที่จะยกระดับจุดผ่อนปรนทางการค้าช่องสิงขรเป็นด่านถาวร ทั้งรัฐ และเอกชนร่วมกันผลักดันมากว่า 3 ปีแล้ว ซึ่งในส่วนของทางจังหวัดก็มีวางแผนพัฒนาศูนย์ราชการรองรับ พร้อมงบประมาณที่ตั้งไว้แล้ว

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างที่ฝ่ายพม่าจะต้องดำเนินการเรื่องของเขตแดนในบางส่วนที่ยังไม่เรียบร้อย หากเสร็จขั้นตอนนี้ คณะกรรมการไทย-พม่า (เจบีซี) ก็จะลงนามร่วมกัน และจะเข้าสู่กระบวนการขั้นตอนต่างๆ ในการส่งเรื่องไปยังกระทรวงมหาดไทย ก็สามารถประกาศยกระดับจุดผ่อนปรนทางการค้าด่านสิงขรเป็นจุดผ่านแดนด่านถาวรต่อไป ก็เท่ากับว่าเป็นการเปิดประตูการค้าไทย-พม่าครั้งสำคัญ ซึ่งจะเป็นการสร้างโอกาสทางการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว ฯลฯ แต่หัวใจสำคัญทั้ง 2 ฝ่ายต้องเป็นคู่ค้าที่ดีต่อกัน

MR.U HLA THAN ประธานกรรมการหอการค้า และสภาอุตสาหกรรมจังหวัดมะริด กล่าวว่า ไทยและพม่าเป็นสมาชิกของประเทศอาเซียน และเป็นคู่ค้ามาช้านานซึ่งไทยมีทั้งผลิตภัณฑ์ และการตลาดที่ดี ทำให้การค้าของไทยอยู่ในอันดับต้นๆ ของอาเซียน ซึ่งภาคตะนาวศรี-เมืองมะริด มีหมู่เกาะอยู่ประมาณ 800 เกาะ มีทั้งทรัพยากรธรรมชาติทั้งบนบก และทางทะเล มีอุตสาหกรรมสัตว์น้ำโดดเด่น มีภาคเกษตร ดีบุก น้ำมัน เหมืองแร่ โดยเฉพาะเมืองมะริด ยังเหมาะสำหรับการลงทุนในด้านต่างๆ โดยเฉพาะตอนนี้มีนักธุรกิจชาวไทยมาสร้างโรงแรมขนาดใหญ่แล้ว และในส่วนของมาเลเซียเอง ก็ให้ความสนใจในเรื่องการเข้ามาลงทุนที่เมืองมะริดด้วยเช่นกัน

วันนี้เส้นทางตั้งแต่เมืองมะริด-ตะนาวศรี ระยะทางประมาณ 220 กม. ซึ่งรัฐบาลกำลังดำเนินการก่อสร้างปรับปรุงขยายผิวจราจร ในส่วนของตะนาวศรี-บ้านมูด่องเอง ทางหอการค้ามะริด ก็ดำเนินการปรับปรุง และขยายเส้นทางให้กว้างขึ้น ซึ่งปัจจุบันนี้รถยนต์โฟร์วีลใช้เวลาเดินทางจากบ้านมูด่อง-เมืองมะริด ประมาณ 4 ชม.

ส่วนรถบัสปรับอากาศใช้ระยะเวลาประมาณ 7-8 ชม. ซึ่งหากการคมนาคมในเส้นทางดังกล่าวเสร็จสมบูรณ์ ย่อมต้องส่งผลดีต่อการค้าทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งการเจรจาการค้าในครั้งนี้ก็เพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่จะเกิดขึ้นของทั้ง 2 ประเทศ

นางวนิดา อรุโณทัย พาณิชย์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า การเจรจาการค้าครั้งนี้ทั้งหมด มี 6 ประเภทธุรกิจด้วยกันคือ 1.อุตสาหกรรมสัตว์น้ำ ประมง-ห้องเย็น 2.อุตสาหกรรมเกษตร-การแปรรูป 3.วัสดุก่อสร้าง 4.สินค้าอุปโภคบริโภค 5.อุตสาหกรรมท่องเที่ยว และ 6.อุตสาหกรรมด้านต่างๆ โดยการเจรจาระหว่างนักธุรกิจเมืองมะริด และนักธุรกิจฝ่ายไทย ในครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ถึงแม้ว่าเราจะยังอยู่ในระหว่างขั้นตอนเตรียมความพร้อมที่จะเปิดจุดผ่อนปรนช่องสิงขรเป็นด่านถาวรในอนาคต

แต่ก็ถือว่าทั้ง 2 ฝ่ายได้มีโอกาสมาพบ และพูดคุยในเรื่องของธุรกิจที่ทั้ง 2 ฝ่ายให้ความสนใจ รวมไปถึงการนักธุรกิจของฝ่ายไทย ยังได้มีโอกาสศึกษาดูงานธุรกิจของเมืองมะริด ทั้งอุตสาหกรรมสัตว์น้ำ การต่อเรือประมง และการท่องเที่ยวควบคู่กันไป วันนี้ยอมรับว่ามีนักธุรกิจให้ความสนใจเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของการยกระดับจุดผ่อนปรนจุดนี้ขึ้นเป็นด่านถาวร

ในขณะเดียวกัน เราก็เห็นได้ว่าที่เมืองมะริด ก็มีอัตราการขยายตัวของการลงทุนในรอบ 1-2 ปีเช่นกัน ดูจากโรงแรมระดับ 4 ดาว ที่เพิ่งเปิดให้บริการ และเป็นโรงแรมของนักธุรกิจชาวไทยที่ก้าวเข้ามาลงทุน รวมทั้งการเดินทางที่เข้ามาสู่เมืองมะริด ซึ่งขณะนี้มีการบินวันละ 4 เที่ยวบินแล้วจากกรุงย่างกุ้ง-ทวาย-มะริด-เกาะสอง ซึ่งเป็นการตอบโจทย์ในเรื่องของการเจริญเติบโตของเมืองมะริดได้เป็นอย่างดี

ด้านนายศุรอัฐ ณรงค์ฤทธิ์ ประธานหอการค้าจังหวัดประจวบฯ กล่าวว่า อย่างน้อยที่สุดในการเดินทางมาเจรจาธุรกิจการค้าในครั้งนี้ นับเป็นโอกาสดีของนักธุรกิจของไทย ได้ไปพบปะนักธุรกิจของเมืองมะริด และเมืองใกล้เคียงของฝั่งพม่า ว่าทั้ง 2 ฝ่ายสนใจในเรื่องของธุรกิจประเภทใด อย่างผู้ประกอบการอุตสาหกรรมสับปะรดกระป๋อง ก็ให้ความสนใจในเรื่องของการหาพื้นที่เพาะปลูกสับปะรดระหว่างหมู่บ้านมูด่องเข้าไป เพราะพบว่าดินมีความเหมาะสม และอย่างน้อยที่สุดเรื่องของแรงงานค่าใช้จ่ายลดลง ส่วนประเด็นสำคัญซึ่งต้องยอมรับกันว่า ภาคเอกชนของฝ่ายไทยที่เดินทางมาในครั้งนี้มีมุมมองที่เหมือนๆ กัน

เพราะเห็นว่าว่าปัญหาที่หน่วยงานรัฐของไทยยังไม่สามารถประกาศเปิดด่านถาวร รวมทั้งเส้นทางที่ยังไม่แล้วเสร็จจึงเป็นปัญหาสำคัญในการที่จะดำเนินธุรกิจร่วมกัน จึงค่อนข้างเป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่ทั้งหมดนี้ก็ไม่ได้ทำให้นักธุรกิจชาวไทยถอดใจแต่อย่างใด ผมมองว่าเป็นเรื่องที่ดีมากกว่าในการพบปะกัน เพราะยิ่งทำให้เรา และเขาได้รู้จักเพิ่มมากขึ้น เพราะวันใดวันหนึ่งเมื่อทุกอย่างลงตัว เมื่อมีการประกาศยกระดับเป็นด่านถาวรขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็สามารถทำการค้ากันได้ทันทีถือว่าเป็นการเตรียมความพร้อมเอาไว้

เช่นเดียวกับ นายประเสริฐ ปานนิมิตจิตสมาน เจ้าของร้านจำหน่ายรถจักรยานยนต์ หนึ่งในนักธุรกิจที่ร่วมเดินทางไปในครั้งนี้ ก็ยอมรับว่า ถึงแม้ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสเดินทางมา เพราะที่ผ่านมา ผมก็ได้แต่ติดตามความเคลื่อนไหวว่า “ด่านจะเปิดกันเมื่อไหร่” ซึ่งเมื่อมีโอกาสมาในครั้งนี้ได้พบปะกับนักธุรกิจของเมืองมะริด และเมื่อคุยแลกเปลี่ยนเรื่องของการค้าขายในส่วนรถจักรยานยนต์กันก็เห็นถึงลู่ทางความเป็นไปได้

แต่ปัญหาก็คือ ยังไม่เป็นด่านถาวร การคมนาคมก็ยังไม่สมบูรณ์ แต่ทั้งหมดนี้ผมว่าขึ้นอยู่กับเรื่องของความชัดเจนในการประกาศเปิดเป็นด่านถาวร เพราะหมายถึงการรองรับในด้านของกฎหมายของการนำเข้าส่งออกที่จะตามมา ไม่เป็นไรวันนี้ถือว่าเราได้มาดูลู่ทางของประเทศเพื่อนบ้านอย่างพม่า

แม้ว่าหลายปีที่ผ่านมา ทั้งหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนได้พยายามร่วมกันผลักดันเพื่อยกระดับให้จุดผ่อนปรนทางการค้าด่านสิงขร เป็นด่านถาวรเพื่อเป็นการเปิดประตูการค้าครั้งสำคัญกับเพื่อนบ้านอย่างพม่า วันนี้กำลังก้าวมาถึงขั้นตอนสำคัญ และอีกไม่นานเชื่อว่าเมื่อทุกอย่างลงตัว จะนำมาซึ่งกระทรวงมหาดไทย จะเป็นผู้ประกาศเปิดด่านถาวรอย่างเป็นทางการ ย่อมต้องส่งผลดีต่อการค้าการลงทุนระหว่างเมืองประจวบคีรีขันธ์ กับเมืองมะริดอย่างแน่นอน