จนท.จับค้าซากสัตว์ป่าฯ “กวาง-ค่างแว่น-ลิงเสน” คาด่านสิงขร

ประจวบคีรีขันธ์ - จนท.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี นำกำลังตำรวจ ปทส. ตชด.เข้าจับกุมชาวพม่าลักลอบค้าซากสัตว์ป่าคาตลาดด่านสิงขร เมืองประจวบฯ แฉใช้วิธีการลำเลียงนำซากสัตว์ป่าจากหมูบ้านมูด่อง ฝั่งพม่าซุกปี๊บหน่อไม้ผ่านการตรวจตราลงมายังตลาดขายให้นักเปิบสัตว์ป่า ทั้งกวาง ค่างแว่น ลิงเสน เห่าช้าง เต่า ฯลฯ หลังมีชาวบ้านแจ้งเบาะแสผ่านสายด่วน 1362 กรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เบื้องต้นยึดซากสัตว์ป่าสงวนและคุ้มครองหลายชนิด รวมกว่า 90 กิโลกรัม

เมื่อเวลา 07.00 น. วันนี้ (4 พ.ย.) นายเชิดชัย จริยะปัญญา ผู้อำนวยสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) นายสรัชชา สุริยกุล ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (สาขาเพชรบุรี) ได้รับรายงานจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ว่า มีประชาชนแจ้งเบาะแสเข้ามาเป็นจำนวนมากผ่านโทรศัพท์สายด่วน 1362 ว่า บริเวณตลาดการค้าชายแดนด่านสิงขร ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีการค้าขายซากสัตว์ป่าสงวนและคุ้มครองทั้ง กวาง เก้ง ค่างแว่น ฯลฯ เป็นจำนวนมาก

หลังรับทราบข้อมูล จึงพร้อมด้วย นายวันชัย สิงโต หัวหน้าชุดเฉพาะกิจปฏิบัติการด้านสัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี นายวรวิทย์ อิ่มทรัพย์ หัวหน้าชุดอุทยานฯ น้ำตกห้วยยาง พร้อมเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี และเจ้าหน้าที่ชุดเขตห้ามล่าสัตว์เขาประทับช้าง พร้อมด้วย ร.ต.ท.ธนภัทร์ ตุ้งสวัสดิ์ รักษาการ ผบ.ร้อย ตชด.146 และ ร.ต.ท.เงิน ไชยอาษา ผบ.หมวด ตชด.1462 ด่านสิงขร ร.ต.ต.คเชนท์ ศรีเสือ ร.ต.ต.สมหมาย แตงอ่อน ตร.ปทส.ภาค 7 ร่วมกันเดินทางไปตรวจสอบที่บริเวณด่านสิงขร

ซึ่งปัจจุบันยังคงเป็นจุดผ่อนปรน พบว่าบริเวณตลาดนัดมีการนำซากสัตว์ป่ามาจากฝั่งประเทศพม่า ลงมาขายในฝั่งไทยจริงตามเรื่องที่ได้รับการแจ้ง จึงร่วมนำกำลังเข้าทำการตรวจสอบพบนายซาน วอยซ์ อายุ 32 ปี ชาวพม่า กำลังขายเนื้อกวาง ค่างแว่น ลิงเสน เห่าช้าง ให้แก่บรรดานักเปิบสัตว์ป่าจึงเข้าแสดงตนเข้าจับกุมทันที ซึ่งนายซานวอยซ์ ถึงกับตกใจว่าตนเองขายหมูป่าไม่ได้ขายสัตว์ป่าสงวนแต่อย่างใด

โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นในกล่องโฟม และถุงพลาสติกจึงพบทั้งซากค่างแว่น ลิงเสน เห่าช้าง และเนื้อหมูป่าที่นำมาปิดทับซากสัตว์อื่นเอาไว้เป็นการอำพราง ทำให้นายซา วอยซ์ ชาวพม่ายอมรับว่า นำซากสัตว์ป่าโดยรับซื้อจากชาวพม่าด้วยกัน และนำลงมาขายโดยผ่านด่านลงมาโดยใช้วิธีแล่เนื้อ และใส่ถุงพลาสติก และซุกไว้ในปี๊บหน่อไม้ดอง โดยจะทยอยเอาลงมาไว้ในตลาดทุกวัน ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ยังพบว่า นายซา วอยซ์ ได้ลงมาก่อน 1 วันแต่ไม่ยอมกลับขึ้นไปตามที่เวลากำหนด ซึ่งต้องมาตอนเช้า และกลับขึ้นไปในช่วงเย็น

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ทั้งหมดยังได้ร่วมกันตรวจสอบลังไม้ และลังพลาสติกขนาดใหญ่อีก 4 ลังที่ถูกใส่กุญแจเอาไว้ แต่ยังไม่มีเจ้าของมาเปิด ทำให้เจ้าหน้าที่ตัดสินใจถอดกุญแจออก และเปิดดูด้านในพบว่าด้านบนเป็นเนื้อหมูป่า ส่วนด้านล่างเป็นซากเนื้อกวาง ที่แบ่งใส่ถุงพลาสติกเอาไว้ด้านล่างแช่น้ำแข็งเอาไว้ รวมทั้งหางของกวาง และยังมีซากเนื้อค่างเม่น ตะพาบ รวมแล้วเกือบ 90 กิโลกรัม เจ้าหน้าที่จึงได้อายัดไว้

อย่างไรก็ตาม ทราบว่าเจ้าของลังพลาสติกที่บรรจุซากสัตว์ป่าสัตว์สงวนและคุ้มครองอีก 4 ลังนั้น คงจะรู้ว่าจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาจับกุม จึงไม่ได้ลงมาจากฝั่งพม่ามาขายเหมือนทุกวัน นอกจากนี้แล้วยังพบด้วยว่า ในบริเวณตลาดนัดด่านสิงขร ยังมีการนำนกแก้วจากฝั่งพม่าลงมาขายในราคาตัวละ 250-350 บาท

ทั้งนี้ จากข้อมูลที่มีผู้แจ้งผ่านสายด่วนระบุด้วยว่า บริเวณด่านสิงขร เป็นแหล่งค้าขายซากสัตว์ป่าจากประเทศพม่าแหล่งใหญ่แห่งหนึ่งที่เปิดขายมานานแล้วโดย กลุ่มพ่อค้าชาวพม่า โดยจะนำซากสัตว์ป่าทยอยมาเก็บไว้ในลังพลาสติกขนาดใหญ่ และใช้วิธีอำพรางโดยใช้เนื้อหมูป่าทับไว้ด้านบน หากมีลูกค้ามาถามจึงจะนำขึ้นมาชั่งกิโลขาย โดยมีทั้งกลุ่มลูกค้าชาวไทยมาซื้อ

ด้านนายธีรภัทร ประยูรสิทธิ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า ปัจจุบัน การนำซากสัตว์ และสัตว์สงวนคุ้มครองมาจากประเทศเพื่อนบ้าน และลักลอบนำมาขายในฝั่งไทย เรื่องนี้ทางกรมอุทยานฯ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฯ คอยตรวจสอบ และเข้มงวดการลักลอบค้าสัตว์ป่าตลอดเวลา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้รับเบาะแสแ ละจับกุมได้เป็นจำนวนมากในหลายพื้นที่

นายธีรภัทร กล่าวว่า ในส่วนของด่านสิงขร ซึ่งปัจจุบันนั้นก็เป็นอีก 1 จุดที่กำลังจะเปิดเป็นด่านถาวร ซึ่งมีการลักลอบนำซากสัตว์ป่าสงวน และสัตว์ป่าคุ้มครองจากฝั่งพม่ามาขายในตลาดฝั่งไทยเช่นกัน ซึ่งทางกรมอุทยานฯ ได้รับการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยว และประชาชนผ่านสายด่วนเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีการจำหน่ายซากสัตว์ป่าอย่างโจ๋งครึ่มติดบริเวณด่านสิงขร รวมไปถึงโดยเฉพาะการนำนกแก้ว นกขุนทอง มาขายในตลาดค้าชายแดนด่านสิงขรทั้งวันธรรมดา และวันเสาร์-อาทิตย์

ทางเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ พยายามตรวจสอบพบว่า มีการค้าขายจริง แต่ในขณะที่เราจะเข้าทำการจับกุมส่วนใหญ่ชาวพม่าที่นำลงมาก็จะรู้ตัวก่อน แต่อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งการให้ชุดเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ คอยตรวจสอบเป็นระยะๆ ต่อไป และเพิ่มความเข้มงวด ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดการลักลอบนำสัตว์ป่าสงวนและคุ้มครองเข้ามายังฝั่งไทย โดยสามารถแจ้งเบาะแสเข้ามาได้ที่สายด่วน 1362 ได้ตลอดเวลา

เบื้องต้น นายวันชัย สิงโต หัวหน้าชุดเฉพาะกิจปฏิบัติการด้านสัตว์ป่า ได้แจ้งข้อหานายซา วอยซ์ ชาวพม่าทั้งหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และทำอาชีพค้าขายที่ต้องห้าม และยังมีความผิดในข้อหาค้าซากสัตว์ป่าคุ้มครองและสัตว์ป่าสงวนไว้เพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งกวาง ค่างแว่น ลิงเสน เห่าช้าง ฯลฯ หลังจากนั้น จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองวาฬ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป